(18 มี.ค. 68) เวลา 13.00 น. นายจักกพันธุ์ ผิวงาม รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ลงพื้นที่ติดตามการดำเนินงานตามนโยบายผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครในพื้นที่เขตบางกะปิ ประกอบด้วย
เยี่ยมชมต้นแบบการคัดแยกขยะ ร้านไก่ย่างพระราม 9 ปากซอยพระราม 9 ซอย 39 พื้นที่ 1,569 ตารางเมตร มีผู้มาใช้บริการ 500 คน/วัน เข้าร่วมโครงการคัดแยกขยะ ตั้งแต่ปี 2566 วิธีการคัดแยกขยะ โดยจำแนกตามประเภทของขยะ ดังนี้ 1.ขยะอินทรีย์ ในครัวจะมีถังขยะฝาปิดสำหรับไว้ทิ้งขยะประเภทผัก พนักงานจะนำออกจากครัว 4 รอบ/วัน โดยจะนำมาเศษผักมาทำปุ๋ยอินทรีย์ สำหรับใส่แปลงผักหลังร้าน ส่วนเศษอาหารที่เหลือ จะมีเกษตรกรมารับไปเลี้ยงสัตว์ 2.ขยะรีไซเคิล ทางร้านจะมีถังขยะฝาปิดขนาดใหญ่ เพื่อนำมาใส่ขวดพลาสติก PET ต่าง ๆ พนักงานจะนำขยะนี้ไปเก็บไว้ในพื้นที่มิดชิด เพื่อรวบรวมไปจำหน่ายบริษัทรีไซเคิลขยะ 3.ขยะทั่วไป ในครัวจะมีถังขยะฝาปิดเพื่อทิ้งซองพลาสติกที่บรรจุอาหารต่างๆ มา พนักงานจะนำออกจากครัว 4 รอบ/ วัน โดยมัดปากถุงอย่างมิดชิด เพื่อรอเจ้าหน้าที่มาเก็บ 4.ขยะอันตราย ทางร้านมีถังขยะอันตรายไว้ใส่หลอดไฟฟ้าที่เสียแล้ว แบตเตอรี่ที่หมดอายุ โดยรวบรวมเป็นรายวันที่มีการทิ้งขยะ สำหรับปริมาณขยะก่อนคัดแยกและหลังคัดแยก ดังนี้ ขยะทั่วไปก่อนคัดแยก 121 กิโลกรัม/วัน หลังคัดแยก 10 กิโลกรัม/วัน ขยะรีไซเคิลหลังคัดแยก 10 กิโลกรัม/วัน ขยะอินทรีย์หลังคัดแยก 100 กิโลกรัม/วัน ขยะอันตรายหลังคัดแยก 1 กิโลกรัม/วัน ทั้งนี้ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ได้ให้คำแนะนำในการคัดแยกขยะประเภทต่างๆ เพื่อให้การจัดเก็บมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ซึ่งปริมาณขยะที่คัดแยกจะมีผลต่ออัตราค่าธรรมเนียมในการจัดการมูลฝอยฉบับใหม่
พร้อมกันนี้ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ได้ตรวจบ่อดักไขมันร้านไก่ย่างพระราม 9 ซึ่งร้านอาหารดังกล่าว ได้ติดตั้งบ่อดักไขมัน เพื่อรองรับน้ำทิ้งที่ปนเปื้อนไขมัน แยกไขมันออกมากำจัด ก่อนปล่อยน้ำทิ้งลงสู่ท่อระบายน้ำ โดยจะนำเศษอาหารที่ติดอยู่กับตะแกรงออกมาทิ้ง ตักไขมันออกจากบ่อดักไขมันเป็นประจำทุก 1-2 วัน โดยสังเกตจากไขมันที่จับตัวเป็นคราบไขมันหนาลอยอยู่ เมื่อตักไขมันใส่ในถุงแล้วผูกปากถุงให้เรียบร้อยก่อนนำไปทิ้งรวมกับขยะมูลฝอยทั่วไป
ตรวจการจัดระเบียบพื้นที่ทำการค้า ตั้งแต่ซอยรามคำแหง 41-65 ถนนรามคำแหง ปัจจุบันเขตฯ มีพื้นที่ทำการค้านอกจุดผ่อนผัน จำนวน 9 จุด รวมผู้ค้าทั้งสิ้น 264 ราย ได้แก่ 1.ซอยลาดพร้าว 121 ผู้ค้า 22 ราย ช่วงเวลาทำการค้า 01.00-24.00 น. 2.ซอยนวมินทร์ 8-10 ผู้ค้า 67 ราย ช่วงเวลาทำการค้า 08.00-20.00 น. 3.ซอยโยธินพัฒนา ผู้ค้า 29 ราย ช่วงเวลาทำการค้า 05.00-22.00 น. 4.ซอยรามคำแหง 18-22 ผู้ค้า 17 ราย ช่วงเวลาทำการค้า 07.00-22.00 น. 5.ซอยรามคำแหง 34-36 ผู้ค้า 13 ราย ช่วงเวลาทำการค้า 05.00-21.00 น. 6.ซอยรามคำแหง 39-53 ผู้ค้า 14 ราย ช่วงเวลาทำการค้า 06.00-22.00 น. 7.ซอยรามคำแหง 53-65 ผู้ค้า 35 ราย ช่วงเวลาทำการค้า 16.00-24.00 น. 8.ซอยหัวหมาก 9-39 ผู้ค้า 32 ราย ช่วงเวลาทำการค้า 05.00-24.00 น. 9.ซอยหัวหมาก 10-34 ผู้ค้า 35 ราย ช่วงเวลาทำการค้า 06.00-24.00 น. ในปี 2567 เขตฯ ยกเลิกพื้นที่ทำการค้า 5 จุด ได้แก่ 1.ถนนแฮปปี้แลนด์ สาย 2 ผู้ค้า 41 ราย ยกเลิกวันที่ 22 เม.ย.67 2.แยกลำสาลี ถนนศรีนครินทร์ขาออก ผู้ค้า 12 ราย ยกเลิกวันที่ 1 พ.ค.67 3.ซอยลาดพร้าว 109 ผู้ค้า 12 ราย 4.ซอยรามคำแหง 52/2 ผู้ค้า 11 ราย 5.ซอยรามคำแหง 64/2 ผู้ค้า 12 ราย ยกเลิกวันที่ 1 ธ.ค.67 ในปี 2568 เขตฯ ยกเลิกพื้นที่ทำการค้าอีก 2 จุด ได้แก่ 1.ซอยลาดพร้าว 101 ผู้ค้า 66 ราย 2.ซอยลาดพร้าว 107 ผู้ค้า 42 ราย ยกเลิกวันที่ 1 มี.ค.68 ทั้งนี้ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ได้มอบหมายให้เขตฯ จัดระเบียบพื้นที่ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ทำการค้าปี 67 กำชับผู้ค้าไม่ให้ตั้งวางสิ่งของรุกล้ำทางเท้า เพื่อความเป็นระเบียบเรียบร้อยในพื้นที่ ซึ่งพื้นที่ทำการค้าทั้ง 9 จุด ได้รับการตรวจประเมินจากคณะกรรมการสำนักงานเขต คณะกรรมการสำนักเทศกิจแล้ว 2 ครั้ง มีบางจุดที่ไม่ผ่านการประเมิน เขตฯ จะดำเนินการปรับปรุงแก้ไข เพื่อรับการตรวจประเมินจากคณะกรรมการฯ ในครั้งต่อไป
ตรวจสอบพื้นที่รกร้างและการลักลอบทิ้งขยะ บริเวณถนนรามคำแหง ช่วงซอยรามคำแหง 83-1 จากการสำรวจในพื้นที่เขตฯ พบว่ามีพื้นที่รกร้างและมีการลักลอบทิ้งขยะ จำนวน 18 แห่ง ซึ่งเขตฯ ได้ออกหนังสือแจ้งเจ้าของที่ดิน ให้ดำเนินการล้อมรั้วโดยรอบให้มิดชิด นอกจากนี้เขตฯ ได้พัฒนาทำความสะอาดจัดเก็บขยะ จัดทำรั้วชั่วคราวปิดกั้นไม่ให้เข้าไปในพื้นที่ ติดตั้งป้ายประชาสัมพันธ์ห้ามทิ้งขยะ ทั้งนี้ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ได้มอบหมายให้เขตฯ สำรวจการใช้ประโยชน์จากที่ดิน หากไม่มีการใช้ประโยชน์หรือปล่อยทิ้งไว้เป็นพื้นที่รกร้างว่างเปล่า ให้พิจารณาจัดเก็บภาษีตามอัตราที่กำหนด รวมถึงจัดเจ้าหน้าที่เทศกิจออกตรวจพื้นที่เฝ้าระวังอย่างต่อเนื่อง เพื่อป้องกันการลักลอบนำเศษวัสดุจากสิ่งปลูกสร้างหรือขยะชิ้นใหญ่มาทิ้งในพื้นที่ดังกล่าว
พัฒนาสวน 15 นาที สวนหย่อมแฟลตการเคหะที่ 30 คลองจั่น ซึ่งเขตฯ ได้พัฒนาจัดเก็บขยะใบไม้แห้ง ปรับสภาพพื้นที่ จัดทำทางเดิน ปลูกไม้พุ่มขนาดกลาง อนุรักษ์ต้นไม้ใหญ่ที่ขึ้นอยู่เดิมภายในสวน ปัจจุบันเขตฯ มีสวน 15 นาที (สวนเดิม) จำนวน 6 แห่ง ได้แก่ 1.สวนสาธารณะสวนพฤกษชาติคลองจั่น พื้นที่ 34 ไร่ 2.สวนหย่อมพระราม 9 (แยกรามคำแหง) พื้นที่ 1 ไร่ 2 งาน 70 ตารางวา 3.สวนหย่อมศรีบูรพา (แปลงปันสุข) พื้นที่ 1 ไร่ 1 งาน 14 ตารางวา 4.สวนหย่อมริมคลองแสนแสบ พื้นที่ 1 งาน 42 ตารางวา 5.ลานบางกะปิภิรมย์ พื้นที่ 1 ไร่ 21 ตารางวา 6.สวนปิยะภิรมย์ พื้นที่ 12 ไร่ (อยู่ในความดูแลของสำนักสิ่งแวดล้อม) สวน 15 นาที (สวนใหม่) จำนวน 9 แห่ง ได้แก่ 1.สวนป่า (วงในทางต่างระดับถนนศรีนครินทร์-ถนนกรุงเทพกรีฑา) พื้นที่ 7 ไร่ 2.สวนหย่อมแปลงสามเหลี่ยม (หน้าร้านสินธร สเต็กเฮ้าส์) พื้นที่ 3 งาน 98 ตารางวา 3.สวนหย่อมโพธิ์แก้ว พื้นที่ 1 งาน 95 ตารางวา 4.สวนศรีบูรพาภิรมย์ พื้นที่ 1 ไร่ 2 งาน 25 ตารางวา 5.สวนหย่อมหมู่บ้านสินธร พื้นที่ 1 ไร่ 7 ตารางวา 6.สวนริมทาง@บางกะปิ ท้ายซอยกรุงเทพกรีฑา 9 พื้นที่ 2 งาน 50 ตารางวา 7.จุดเช็คอินริมคลองแสนแสบ พื้นที่ 1 งาน 42 ตารางวา 8.สวนหย่อมแฟลตการเคหะที่ 30 พื้นที่ 1 ไร่ 2 งาน 25 ตารางวา 9.สวนหย่อมวัดพระไกรสีห์ พื้นที่ 3 งาน 60 ตารางวา ทั้งนี้ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ได้มอบหมายให้เขตฯ สำรวจพื้นที่ว่างเพื่อจัดทำสวน 15 นาที ให้ครบทั้ง 10 แห่งตามนโยบายผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร พิจารณาถึงความเหมาะสมในการใช้พื้นที่ การออกแบบพื้นที่ใช้สอยภายในสวนให้ตรงกับความต้องการของชุมชน โดยคำนึงถึงประโยชน์ที่ประชาชนจะได้รับและเป็นไปตามวัตถุประสงค์อย่างแท้จริง
ติดตามมาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาฝุ่น PM2.5 โครงการโมดิซ โวยาจ ศรีนครินทร์ (Modiz Voyage Srinakarin) บริเวณซอยศรีนครินทร์ 2 ถนนศรีนครินทร์ ซึ่งเป็นการก่อสร้างอาคารพักอาศัยความสูง 37 ชั้น จำนวน 1 อาคาร ผู้ประกอบการจะต้องปฏิบัติตามวิธีและเงื่อนไขแนบท้ายใบอนุญาตในการก่อสร้างตามกฎกระทรวงฉบับที่ 4 (พ.ศ.2526) และแก้ไขเพิ่มเติมตามกฎกระทรวง ฉบับที่ 67 (พ.ศ.2563) และมาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาผลกระทบสิ่งแวดล้อม ตามรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) ทั้งนี้ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ได้กำชับผู้ประกอบการให้ปฏิบัติตามมาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาฝุ่น PM2.5 อย่างเคร่งครัด อาทิ จัดทำรั้วโดยรอบในระดับความสูงไม่น้อยกว่า 6 เมตร เปิดเครื่องพ่นละอองน้ำบริเวณทางเข้า-ออกโครงการและพื้นที่โดยรอบตลอดเวลาทำงาน ฉีดล้างทำความสะอาดล้อรถยนต์ที่ผ่านเข้า-ออกโครงการ ล้างทำความสะอาดพื้นด้านหน้าไม่ให้มีเศษดินหินทรายตกค้าง ติดตั้งเครื่องวัดค่าฝุ่น PM2.5 และจอแสดงผลด้านหน้าโครงการ ตรวจวัดค่าควันดำรถบรรทุกให้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐานตามรอบที่กำหนด นอกจากนี้ เขตฯ ได้จัดทำแผนปฏิบัติการตรวจสอบและควบคุมสถานประกอบการที่ก่อให้เกิดปัญหาฝุ่น PM2.5 ในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งประชาสัมพันธ์ให้ความรู้เกี่ยวกับฝุ่น PM2.5 กำชับสถานประกอบการในพื้นที่ให้ปฏิบัติตามมาตรฐานที่กฎหมายกำหนด เพื่อลดมลพิษทางอากาศและลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน
ในการนี้มี นางสิริกาญจน์ สุยวณิชย์ ผู้อำนวยการเขตบางกะปิ พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร ข้าราชการ และเจ้าหน้าที่เขตบางกะปิ สำนักเทศกิจ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมลงพื้นที่และให้ข้อมูล
สิ่งแวดล้อมดี #สุขภาพดี #เศรษฐกิจดี
บ้านนี้ไม่เทรวม #แยกขยะจ่ายน้อยกว่า #แยก20ไม่แยก60
ยุทธการปราบไขมันอุดตันป้องกันน้ำท่วม
—– (จิรัฐคม…สปส.รายงาน)