
(31 ม.ค. 68) เวลา 13.00 น. นายจักกพันธุ์ ผิวงาม รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ลงพื้นที่ติดตามการดำเนินงานตามนโยบายผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครในพื้นที่เขตพญาไท
ติดตามมาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาฝุ่น PM2.5 โครงการโซลเลซ พหลฯ-ประดิพัทธ์ (Solace Phahol-Pradipat) ถนนประดิพัทธ์ ซึ่งเป็นการก่อสร้างอาคารชุดพักอาศัย ความสูง 48 ชั้น จำนวน 1 อาคาร ผู้ประกอบการจะต้องปฏิบัติตามวิธีและเงื่อนไขแนบท้ายใบอนุญาตในการก่อสร้างตามกฎกระทรวงฉบับที่ 4 (พ.ศ.2526) และแก้ไขเพิ่มเติมตามกฎกระทรวง ฉบับที่ 67 (พ.ศ. 2563) และมาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาผลกระทบสิ่งแวดล้อม ตามรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) ซึ่งผู้ประกอบการได้ปฏิบัติตามมาตรการป้องกันฝุ่น PM2.5 ดังนี้ จัดทำแนวรั้วโดยรอบโครงการในระดับความสูง 6 เมตร และติดตั้งผ้าใบคลุมรอบอาคารที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง เปิดเครื่องพ่นละอองน้ำในช่วงเวลาที่มีการก่อสร้าง จัดทำบ่อล้างทำความสะอาดล้อรถบรรทุกและรถโม่ปูนที่ผ่านเข้าออกโครงการ ตรวจวัดค่าควันดำรถบรรทุกและรถโม่ปูนตามรอบที่กำหนดเพื่อให้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน ติดตั้งเครื่องตรวจวัดค่าฝุ่น PM2.5 พร้อมจอแสดงผลด้านหน้าโครงการ ทั้งนี้ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ได้กำชับผู้ประกอบการให้ฉีดล้างทำความสะอาดพื้นไม่ให้มีเศษดินเศษทรายตกค้าง ขนย้ายกองดินและขยะจากการก่อสร้างออกจากพื้นที่ให้เรียบร้อย พร้อมกันนี้ได้เปิดแอปพลิเคชัน AirBKK ตรวจสอบคุณภาพอากาศ พบว่าคุณภาพอากาศที่ตรวจวัดได้ มีค่าแตกต่างกับเครื่องตรวจวัดคุณภาพอากาศที่ติดตั้งอยู่ในโครงการ โดยเน้นย้ำให้ผู้ประกอบการปฏิบัติตามมาตรการป้องกันฝุ่น PM2.5 อย่างเคร่งครัด ควบคุมไม่ให้ค่าฝุ่นเกินมาตรฐาน นอกจากนี้เขตฯ ได้จัดทำแผนปฏิบัติการตรวจสอบและควบคุมสถานประกอบการที่ก่อให้เกิดปัญหาฝุ่น PM2.5 ตามมาตรการควบคุมมลพิษทางอากาศและมาตรการด้านความปลอดภัยในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง อาทิ ประเภทกิจการที่มีการใช้หม้อไอน้ำ (Boilers) 2 แห่ง ประเภทโครงการก่อสร้างขนาดใหญ่ 4 แห่ง ประเภทอู่พ่นสีรถยนต์ 8 แห่ง ประเภทโรงงานจำพวก 3 (ผลิตยา) 1 แห่ง พร้อมทั้งประชาสัมพันธ์ให้ความรู้เกี่ยวกับฝุ่น PM2.5 กำชับสถานประกอบการในพื้นที่ให้ปฏิบัติตามมาตรฐานที่กฎหมายกำหนดอย่างเคร่งครัด เพื่อป้องกันมลพิษทางอากาศและลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
พัฒนาสวน 15 นาที สวนซอยหม่อมแผ้ว @ เขตพญาไท ถนนพระรามที่ 6 ซอย 41 ซึ่งเขตฯ ได้ปรับปรุงพื้นที่ จัดทำทางเดิน ตั้งวางม้านั่ง เครื่องเล่นออกกำลังกาย ปูหญ้า ปลูกไม้พุ่มไม้ประดับ รวมถึงอนุรักษ์ไม้ยืนต้นที่ขึ้นอยู่เดิมภายในสวน ปัจจุบันเขตฯ มีสวน 15 นาที (สวนเดิม) จำนวน 2 แห่ง ได้แก่ 1.สวนพญาไทภิรมย์ พื้นที่ 10 ไร่ กรรมสิทธิ์ที่ดินเป็นของการทางพิเศษแห่งประเทศไทย 2.สวนอารีสัมพันธ์ พื้นที่ 9 ไร่ กรรมสิทธิ์ที่ดินเป็นของกรมประชาสัมพันธ์ สวน 15 นาที (สวนใหม่) ดำเนินการแล้วเสร็จ จำนวน 5 แห่ง ได้แก่ 1.สวนร่วมมิตร @ เขตพญาไท พื้นที่ 2 งาน 35 ตารางวา กรรมสิทธิ์ที่ดินเป็นของการทางพิเศษแห่งประเทศไทย 2.สวนอินทามระ 14 @ เขตพญาไท พื้นที่ 1 งาน 3.สวนซอยหม่อมแผ้ว @ เขตพญาไท ถนนพระรามที่ 6 ซอย 41 พื้นที่ 200 ตารางเมตร กรรมสิทธิ์ที่ดินเป็นของการประปานครหลวง 4.สวนวิภาวดี @ เขตพญาไท แยกถนนวิภาวดีรังสิตตัดถนนสุทธิสาร พื้นที่ 100 ตารางเมตร กรรมสิทธิ์ที่ดินเป็นของกรมทางหลวง 5.สวนรณชัย 2 @ เขตพญาไท ถนนกำแพงเพชร 5 พื้นที่ 200 ตารางเมตร สวน 15 นาที (สวนใหม่) อยู่ระหว่างดำเนินการ จำนวน 5 แห่ง ได้แก่ 1.สวนย่านพหลโยธิน @ เขตพญาไท ปากซอยร่วมมิตร ถนนพหลโยธิน พื้นที่ 1 งาน 12 ตารางวา กรรมสิทธิ์ที่ดินเป็นของการทางพิเศษแห่งประเทศไทย 2.สวนร่มสุข @ เขตพญาไท ถนนพระรามที่ 6 พื้นที่ 2 งาน 50 ตารางวา กรรมสิทธิ์ที่ดินเป็นของการประปานครหลวง 3.สวนหน้ากรมดุริยางค์ @ เขตพญาไท พื้นที่ 250 ตารางเมตร กรรมสิทธิ์ที่ดินเป็นของกรมทางหลวง 4.สวนป้ายรถประจำทาง ตรงข้ามโรงเรียนสามเสนวิทยาลัย ถนนพระรามที่ 6 ขาเข้า พื้นที่ 2 งาน กรรมสิทธิ์ที่ดินเป็นของการประปานครหลวง 5.สวนหน้าโรงเรียนอนุบาลสามเสน ถนนพระรามที่ 6 ขาเข้า พื้นที่ 2 งาน กรรมสิทธิ์ที่ดินเป็นของการประปานครหลวง ทั้งนี้ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ได้มอบหมายให้เขตฯ สำรวจพื้นที่ว่างพิจารณาถึงความเหมาะสมเพื่อจัดทำสวน 15 นาทีให้ครบทั้ง 10 แห่ง ตามนโยบายผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร โดยออกแบบพื้นที่ใช้สอยภายในสวนให้ตรงกับความต้องการของประชาชนในชุมชนที่เข้ามาใช้บริการ เพื่อให้การจัดทำสวน 15 นาที เป็นไปตามวัตถุประสงค์อย่างแท้จริง
ในโอกาสนี้ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร พร้อมด้วยคณะผู้บริหารเขตฯ ร่วมกันปลูกต้นทานตะวัน และต้นอโศกอินเดีย บริเวณหน้าสนามกีฬากองทัพบก ริมถนนวิภาวดีรังสิต เพื่อเพิ่มพื้นที่สีเขียว สร้างกำแพงกรองฝุ่นทั่วกรุง ตลอดจนเพิ่มความร่มรื่นและสวยงาม รวมถึงเป็นจุดถ่ายภาพเช็กอินระหว่างรอรถโดยสารสาธารณะอีกด้วย
ตรวจการจัดระเบียบพื้นที่ทำการค้านอกจุดผ่อนผัน บริเวณถนนสาลีรัฐวิภาค ปัจจุบันเขตฯ มีพื้นที่ทำการค้าจุดผ่อนผัน จำนวน 3 จุด รวมผู้ค้าทั้งสิ้น 165 ราย ได้แก่ 1.ถนนประดิพัทธ์ ฝั่งขาออก ผู้ค้า 67 ราย 2.ถนนประดิพัทธ์ ฝั่งขาเข้า ผู้ค้า 21 ราย 3.ซอยพหลโยธิน 7 ฝั่งซ้าย ผู้ค้า 77 ราย ส่วนพื้นที่ทำการค้านอกจุดผ่อนผัน จำนวน 4 จุด รวมผู้ค้าทั้งสิ้น 119 ราย ได้แก่ 1.ถนนสาลีรัฐวิภาค ผู้ค้า 54 ราย 2.ซอยพหลโยธิน 9 ผู้ค้า 17 ราย 3.หน้าโรงแรม Grand Tower Inn ผู้ค้า 4 ราย 4.ถนนดินแดง แนวในอาคาร หน้า ป.ป.ส. ผู้ค้า 44 ราย ในส่วนของการจัดระเบียบผู้ค้าในพื้นที่เขตฯ ทั้ง 7 จุด ได้รับความร่วมมือจากธนาคารออมสิน ปรับปรุงลักษณะของแผงค้าให้เป็นรูปแบบเดียวกัน เปลี่ยนร่มและผ้าใบกันแดดเป็นสีชมพู โดยเขตฯ ได้จัดทำคิวอาร์โค้ดแสดงตัวตนผู้ค้าทุกราย ลดขนาดของแผงค้าให้เล็กลง กำชับผู้ค้าหมั่นตรวจสอบไม่ให้ร่มยื่นล้ำเข้าไปในผิวการจราจร นอกจากนี้ เขตฯ ได้ประสานความร่วมมือกับธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (SME BANK) จัดทำ Hawker Center บริเวณพื้นที่ชั้น 1 ของอาคาร รองรับผู้ค้าได้ 50 ราย และพื้นที่ด้านนอกอาคาร รองรับผู้ค้าได้ 25 ราย โดยไม่คิดค่าใช้จ่าย ต่อมาได้รับความร่วมมือจากธนาคารออมสินสำนักงานใหญ่ ให้ใช้พื้นที่ด้านหน้าอาคาร 10 จัดทำ Hawker Center รองรับผู้ค้าได้ 25 ราย และพื้นที่ด้านนอกอาคาร รองรับผู้ค้าได้ 25 ราย โดยไม่คิดค่าใช้จ่าย ทั้งนี้ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ได้มอบหมายให้เขตฯ จัดระเบียบพื้นที่ทำการค้าในแต่ละจุดให้เรียบร้อย เตรียมพร้อมการตรวจประเมินตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขทำการค้าปี 67 ขอความร่วมมือให้จัดเก็บอุปกรณ์ทำการค้าและทำความสะอาดพื้นที่หลังเลิกทำการค้าในแต่ละวัน เพื่อความสะอาดและเป็นระเบียบเรียบร้อยในพื้นที่
เยี่ยมชมต้นแบบการคัดแยกขยะ ชุมชนแฟลตตำรวจส่วนกลางเฉลิมลาภ พื้นที่ 23 ไร่ ประชากร 2,100 คน วิธีการคัดแยกขยะ เข้าร่วมโครงการคัดแยกขยะ ตั้งแต่ปี 2565 โดยจำแนกตามประเภทของขยะ ดังนี้ 1.ขยะอินทรีย์ ประชาสัมพันธ์ให้ผู้พักอาศัยและร้านค้าคัดแยกขยะเศษอาหาร ตั้งถังขยะรองรับขยะอินทรีย์ ขยะเศษอาหารทุกอาคารบริเวณชั้น 1 นำขยะเศษอาหารและใบไม้ไปทำปุ๋ยหมัก 2.ขยะรีไซเคิล ประชาสัมพันธ์ให้ผู้พักอาศัยและร้านค้าคัดแยกขยะรีไซเคิล ตั้งถังขยะรองรับขยะรีไซเคิลทุกอาคารบริเวณชั้น 1 เมื่อรวบรวมได้ปริมาณมากพอจะนำไปจำหน่าย เงินที่ได้จะนำมาเป็นสวัสดิการให้แก่แม่บ้าน 3.ขยะทั่วไป ประชาสัมพันธ์ให้ผู้พักอาศัยและร้านค้าคัดแยกขยะก่อนทิ้ง เพื่อเป็นการลดปริมาณขยะ ตั้งถังขยะรองรับขยะรีไซเคิลทุกอาคารบริเวณชั้น 1 แม่บ้านจะเก็บรวบรวมไว้ที่จุดพักขยะ เขตฯ ดำเนินการจัดเก็บ 4.ขยะอันตราย มีพื้นที่สำหรับจัดเก็บขยะอันตรายโดยเฉพาะ เขตฯ ดำเนินการจัดเก็บ สำหรับปริมาณขยะก่อนคัดแยกและหลังคัดแยก ดังนี้ ขยะทั่วไปก่อนคัดแยก 1,268 กิโลกรัม/วัน หลังคัดแยก 1,200 กิโลกรัม/วัน ขยะรีไซเคิลหลังคัดแยก 18 กิโลกรัม/วัน ขยะอินทรีย์หลังคัดแยก 50 กิโลกรัม/วัน ขยะอันตรายหลังคัดแยก 15 กิโลกรัม/ครั้ง ทั้งนี้ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ได้ให้คำแนะนำแก่ทางชุมชมในการคัดแยกประเภทต่าง ๆ เพื่อให้การจัดเก็บมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น พร้อมทั้งมอบหมายให้เขตฯ ประชาสัมพันธ์สร้างความเข้าใจกับประชาชนในการคัดแยกขยะ ซึ่งปริมาณขยะที่คัดแยกจะมีผลต่ออัตราค่าธรรมเนียมในการจัดการสิ่งปฏิกูลหรือมูลฝอยฉบับใหม่
ในการนี้มี นายสายชล จังสมยา ผู้อำนวยการเขตพญาไท พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร ข้าราชการ และเจ้าหน้าที่เขตพญาไท สำนักเทศกิจ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมลงพื้นที่และให้ข้อมูล
#สิ่งแวดล้อมดี #สุขภาพดี #เศรษฐกิจดี
—– (จิรัฐคม…สปส. รายงาน)


