กทม. ไม่หยุดกำจัด PM2.5 ที่ต้นตอ เอาจริงแก้ปัญหารถควันดำ ล่าสุด รถบรรทุกขึ้นบัญชีสีเขียวแล้ว 4,667 คัน

(12 ธ.ค. 67) นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นประธานการประชุมหัวหน้าหน่วยงานของกรุงเทพมหานคร ครั้งที่ 12/2567 โดยมี พญ.วันทนีย์ วัฒนะ ปลัดกรุงเทพมหานคร นายต่อศักดิ์ โชติมงคล ประธานที่ปรึกษาของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร คณะผู้บริหารกรุงเทพมหานคร และผู้เกี่ยวข้อง ร่วมประชุม ณ ห้องรัตนโกสินทร์ ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร เสาชิงช้า เขตพระนคร

โดยวันนี้ ที่ประชุมได้รายงานเรื่องมาตรการลดฝุ่นของกรุงเทพมหานคร ซึ่งกรุงเทพมหานครได้จัดทำแผนลดฝุ่น 365 วัน สำหรับระยะปกติ ที่มีค่าฝุ่นเป็นสีฟ้า – เขียว โดยมีการดำเนินการดังนี้ 1. ติดตามเฝ้าระวัง ได้แก่ นักสืบฝุ่น Risk Map แจ้งเตือน 1 ครั้ง/วัน Sensor ตรวจวัด 1,000 จุด 2. กำจัดต้นตอ ได้แก่ ตรวจควันดำ (รถยนต์ อู่รถเมล์ รถบรรทุก) ตรวจคุณภาพอากาศเชิงรุก รถอัดฟาง Feeder พัฒนาทางเท้า จัดการจุดฝืด Bike Lane ส่งเสริม EV 3. ป้องกันประชาชน ได้แก่ ธงคุณภาพอากาศ ห้องปลอดฝุ่น DIY เครื่องฟอกอากาศ ปลูกต้นไม้ล้านต้น 4. สร้างการมีส่วนร่วม ได้แก่ แอปพลิเคชัน Traffy Fondue และสภาลมหายใจ ส่วนในระยะวิกฤต ซึ่งมีค่าฝุ่นเป็นสีเหลือง – ส้ม มีการดำเนินการมาตรการต่าง ๆ อย่างเข้มข้นขึ้น ดังนี้ 1. ติดตามเฝ้าระวัง ได้แก่ เพิ่มการจัดตั้ง War Room เพิ่มการแจ้งเตือนเป็น 3 ครั้ง/วัน เพิ่มการแจ้งเตือนผ่าน Line Alert รวมทั้งเพิ่มการติดตาม Hot Spot 2. กำจัดต้นตอ ได้แก่ ตรวจควันดำ 3 ครั้ง/สัปดาห์ (เพิ่มการตรวจบริเวณท่าเรือ/นิคมอุตสาหกรรม) ขอความร่วมมือวัด/ศาลเจ้างดจุดธูปเทียน ห้ามจอดรถถนนสายหลัก/สายรอง หยุดก่อสร้าง ประกาศพื้นที่ควบคุมเหตุรำคาญ ดำเนินมาตรการ Bangkok Low Emission Zone (Bangkok LEZ) มาตรการ WFH 3. ป้องกันประชาชน ได้แก่ จัดหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ แจกหน้ากากอนามัยเชิงรุก คลินิกมลพิษทางอากาศ และโรงเรียนสู้ฝุ่น

สำหรับมาตรการเขตมลพิษต่ำ (Low Emission Zone) ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ตามประกาศกรุงเทพมหานคร เรื่อง การห้ามรถตั้งแต่ 6 ล้อขึ้นไปเข้าพื้นที่วงแหวนรัชดาภิเษกภายใต้หลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่กำหนด โดยผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ใช้อำนาจตามมาตรา 29 ประกอบกับมาตรา 37 วรรคสอง แห่ง พ.ร.บ. ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย พ.ศ. 2550 เมื่อ “เกิดหรือใกล้จะเกิดสาธารณภัย” ขึ้นในพื้นที่ใดและการอยู่อาศัยหรือดำเนินกิจการใด ๆ ในพื้นที่นั้นจะเป็นอันตรายอย่างร้ายแรงต่อสุขภาพประชาชน กรุงเทพมหานครมีเป้าหมายเป็นรถบรรทุกดีเซลจำนวนกว่า 106,000 คัน และมีวัตถุประสงค์ในการห้ามรถบรรทุกเข้ากรุงเทพฯ ชั้นในในช่วงที่ฝุ่นอยู่ในช่วงอันตราย เพื่อลดปัจจัยต้นตอสำคัญของมลพิษและลดความอันตรายต่อสุขภาพประชาชนในพื้นที่

ซึ่งหลักเกณฑ์การออกประกาศฯ เป็นการพิจารณาจากข้อมูลบ่งชี้ คือ ค่าเฉลี่ยฝุ่นละออง PM2.5 อยู่ในระดับสีแดง 5 เขต หรือจากการพยากรณ์ล่วงหน้า 2 วัน ค่าฝุ่นละออง PM2.5 ระดับสีแดง มากกว่า 5 เขต หรือ ระดับสีส้ม มากกว่า 15 เขต หรืออัตราการระบายอากาศ (VR) ต้องน้อยกว่า 3,000 ตารางเมตรต่อวินาที หากเข้าเกณฑ์ดังกล่าว กรุงเทพมหานครจะพิจารณาออกประกาศกรุงเทพมหานคร เรื่อง การห้ามรถตั้งแต่ 6 ล้อขึ้นไปเข้าพื้นที่วงแหวนรัชดาภิเษกภายใต้หลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่กำหนด (ประกาศล่วงหน้าอย่างน้อย 24 ชั่วโมง) รถบรรทุกจะไม่สามารถเข้าพื้นที่วงแหวนรัชดาภิเษกได้ เป็นระยะเวลา 3 วัน มีผลใช้บังคับนับแต่วันถัดจากวันประกาศ โดยพื้นที่ในวงแหวนรัชดาภิเษก ด้านในแนวถนน มีจำนวน 9 เขต ได้แก่ เขตดุสิต เขตพญาไท เขตพระนคร เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย เขตสัมพันธวงศ์ เขตคลองสาน เขตสาทร เขตปทุมวัน และเขตบางรัก และแนวถนนผ่าน 13 เขต (31 แขวง) ได้แก่ เขตบางซื่อ (วงศ์สว่าง) เขตจตุจักร (จตุจักร / ลาดยาว / จันทรเกษม / จอมพล) เขตห้วยขวาง (ห้วยขวาง / สามเสนนอก / บางกะปิ) เขตดินแดง (ดินแดง / รัชดาภิเษก) เขตราชเทวี (มักกะสัน) เขตวัฒนา (คลองเตยเหนือ) เขตคลองเตย (คลองเตย) เขตยานนาวา (ช่องนนทรี / บางโพงพาง) เขตบางคอแหลม (บางคอแหลม / บางโคล่) เขตธนบุรี (ดาวคะนอง / สำเหร่ / บุคคโล / ตลาดพลู) เขตบางกอกใหญ่ (วัดท่าพระ) เขตบางกอกน้อย (บางขุนนนท์ / อรุณอมรินทร์ / บางขุนศรี / บ้านช่างหล่อ / ศิริราช) และเขตบางพลัด (บางพลัด / บางบำหรุ / บางอ้อ /บางยี่ขัน) อย่างไรก็ตาม หากสถานการณ์ยังไม่คลี่คลายและมีแนวโน้มฝุ่นเพิ่มมากขึ้น เป็นค่าฝุ่น PM2.5 อยู่ในระดับสีแดง 10 เขต หรือสีส้ม 25 เขต ประกอบกับการพยากรณ์สถานการณ์ฝุ่นล่วงหน้า 2 วัน อัตราการระบายอากาศน้อยกว่า 3,000 ตารางเมตรต่อวินาที และทิศทางลมมาจากตะวันออก จะมีการประกาศขยายพื้นที่ไปยังวงแหวนกาญจนาภิเษกเพื่อควบคุมปริมาณฝุ่นต่อไป

นอกจากนี้ กรุงเทพมหานครยังมีมาตรการบัญชีสีเขียว (Green List) เปิดให้รถบรรทุก 6 ล้อขึ้นไป (ยกเว้น EV, NGV, EURO 5 และ 6) ที่ต้องวิ่งในพื้นที่เขตมลพิษต่ำ (Low Emission Zone) ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ลงทะเบียนได้ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย.67 เป็นต้นไป โดยผู้ประกอบการสามารถนำรถบรรทุกเข้ากระบวนการบำรุงรักษา อาทิ เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง เปลี่ยนไส้กรองอากาศ จากนั้นลงทะเบียนกรอกแบบฟอร์ม “บัญชีสีเขียว” ประกอบการขอยกเว้นมาตรการเขตมลพิษต่ำในพื้นที่กรุงเทพมหานคร พร้อมแนบหลักฐานการเข้ากระบวนการบำรุงรักษา โดยกรอกข้อมูลทาง Google Form ที่ https://bit.ly/47RK0Yy หรือติดต่อกองจัดการคุณภาพอากาศและเสียง สำนักสิ่งแวดล้อม โทร. 0 2203 2951 สำหรับรถบรรทุก 6 ล้อขึ้นไปที่ได้รับการยกเว้น (EV, NGV, EURO 5 และ 6) สามารถลงทะเบียนบัญชีสีเขียวได้เช่นกัน เพื่อความสะดวกต่อการกวดขันและตรวจสอบ ตลอดจนเพื่อความสะดวกในการเข้าพื้นที่ Low Emission Zone ทั้งนี้ ปัจจุบันมีจำนวนรถบรรทุกลงทะเบียนบัญชีสีเขียว (Green List) แล้ว 4,667 คัน (ข้อมูล ณ วันที่ 11 ธันวาคม 2567)

ด้านมาตรการรถคันนี้ลดฝุ่น กรุงเทพมหานครได้ร่วมกับเครือข่ายภาครัฐและเอกชนเชิญชวนประชาชนเข้าร่วมโครงการฯ ตั้งแต่ 29 ต.ค. 67 – 31 ม.ค. 68 โดยตั้งเป้าหมายไว้ที่ 500,000 คัน ส่วนมาตรการ WFH ที่ได้มีการเชิญชวนภาคส่วนต่าง ๆ เข้าร่วมเป็นเครือข่าย Work From Home เมื่อสถานการณ์ฝุ่นเกิน 75 มคก./ลบ.ม. จำนวน 5 เขต ขึ้นไป ต่อเนื่อง 3 วัน ได้มีการตั้งเป้าหมายไว้ที่ 200,000 คน ซึ่งที่ผ่านมามีเครือข่ายร่วม WFH 151 แห่ง รวมพนักงานร่วม WFH 60,279 คน

สำหรับมาตรการธงคุณภาพอากาศ ได้ดำเนินการในโรงเรียนสังกัด กทม. 437 แห่ง โรงเรียนสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) และเอกชน 30 แห่ง ดำเนินการในสำนักงานเขต 50 แห่ง และในชุมชน 443 ชุมชน ในส่วนของมาตรการห้องเรียนปลอดฝุ่น ดำเนินการในโรงเรียนสังกัด กทม. 429 โรงเรียน ในห้องเรียนชั้นอนุบาล 1,966 ห้องเรียน และดำเนินการในศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก สังกัด กทม. 271 แห่ง
—————————

แชร์ข่าว:
กรุงเทพฯ มีอะไร อัพเดทข่าวสารฉับไว กิจกรรมที่น่าสนใจ และมีส่วนร่วมได้ รวมไว้ให้ที่นี่

©2022 สงวนลิขสิทธิ์ กรุงเทพมหานคร

สำนักงานประชาสัมพันธ์ สำนักปลัดกรุงเทพมหานคร 173 ถนนดินสอ แขวงเสาชิงช้า เขตพระนคร กทม. 10200