“ชีวิตคือการเรียนรู้ และการฝึกงานคือการมาหาสิ่งที่ตัวเองชอบ เพราะหลาย ๆ ครั้งที่เราไม่รู้ว่า Passion* เราคืออะไร เรามาถูกทางหรือไม่ การที่เรามาฝึกงานอาจทำให้รู้ว่าเราชอบอะไร เช่น ชอบอยู่กับคน ชอบคุยกับคน หรือไม่ชอบคุยกับคน ชอบทำงานเอกสาร ชอบทำบัญชี ชอบทำเลข ก็อาจจะทำให้เรารู้อนาคตได้ดีขึ้น” นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ให้โอวาทแก่นักศึกษาฝึกงานในโอกาสเป็นประธานเปิดกิจกรรมปัจฉิมนิเทศและปฐมนิเทศนักศึกษาฝึกงานกับกรุงเทพมหานคร โดยมีรศ.ทวิดา กมลเวชช รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร คณะผู้บริหารกรุงเทพมหานคร ร่วมเป็นเกียรติ ณ ห้องรัตนโกสินทร์ ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร (เสาชิงช้า) เขตพระนคร วันนี้ (20 ม.ค. 66)
(*Passion = ความรักหรือหลงใหลในงานที่ทำและความมุ่งมั่นกระตือรือร้นให้งานนั้นประสบความสำเร็จ)
คณะผู้บริหารกรุงเทพมหานครมีนโยบายพัฒนาระบบการฝึกงานของกรุงเทพมหานคร เพื่อประโยชน์ในการประยุกต์นำความรู้ตามหลักวิชาการของนักศึกษามาใช้พัฒนาระบบงานและระบบให้บริการประชาชนแก่หน่วยงานของกรุงเทพมหานคร อีกทั้งยังเป็นโอกาสให้นักศึกษาได้เรียนรู้และเข้าใจบทบาทหน้าที่และภารกิจงานของกรุงเทพมหานคร โดยกรุงเทพมหานครเป็นหนึ่งในหน่วยงานที่นักศึกษาจำนวนมากสนใจร่วมงานด้วยในอนาคต
กรุงเทพมหานคร โดยสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการกรุงเทพมหานคร (สำนักงาน ก.ก.) จึงได้จัดกิจกรรมปัจฉิมนิเทศและปฐมนิเทศนักศึกษาฝึกงานกับกรุงเทพมหานครขึ้นในวันนี้ โดยมีผู้เข้าร่วมกิจกรรมฯ ประกอบด้วย นักศึกษาที่จะสิ้นสุดระยะเวลาฝึกงานในเดือนมกราคม 2566 จำนวน 22 คน นักศึกษาที่เริ่มฝึกงานในเดือนมกราคม 2566 จำนวน 293 คน และผู้ได้รับมอบหมายให้ดูแลนักศึกษาฝึกงานกลุ่มดังกล่าว จำนวน 77 คน รวมทั้งสิ้น 392 คน
สำหรับกิจกรรมจะแบ่งออกเป็น 2 ห้อง ตั้งแต่เวลา 13.30 น. โดยห้องแรกเป็นกิจกรรมสำหรับนักศึกษาฝึกงาน ณ ห้องรัตนโกสินทร์ ซึ่งนักศึกษาฝึกงานจะได้ร่วมแบ่งปันความคิดเห็นผ่านกระดาษโพสต์อิทในหัวข้อ “ทำไมเลือก กทม.” และ “สิ่งที่คาดหวังจากการฝึกงาน” จากนั้น นักศึกษาฝึกงานรุ่นพี่จะแบ่งปันประสบการณ์การฝึกงานให้นักศึกษาฝึกงานรุ่นน้อง ต่อด้วยกิจกรรมถาม-ตอบ และนันทนาการ
ส่วนห้องที่สองเป็นกิจกรรมสำหรับผู้ได้รับมอบหมายให้ดูแลนักศึกษาฝึกงาน (พี่เลี้ยง) ณ ห้องเจ้าพระยา โดยพี่เลี้ยงจากหน่วยงานต่าง ๆ ได้ร่วมแบ่งปันประสบการณ์ในการดูแลและพัฒนานักศึกษาฝึกงาน ปัญหาและอุปสรรค รวมถึงข้อเสนอแนะเกี่ยวกับการพัฒนาระบบการฝึกงาน ซึ่งรองผู้ว่าฯ ทวิดา ได้รับฟังและแลกเปลี่ยนความคิดเห็น พร้อมมอบแนวทางการพัฒนาระบบการฝึกงานกับกรุงเทพมหานคร ซึ่งคณะผู้บริหารกรุงเทพมหานครตั้งเป้าในการปรับระบบการฝึกงานกับกรุงเทพมหานครโดยมุ่งหวังให้นักศึกษาอยากเข้ามาฝึกงานมากขึ้น โดยในอนาคตจะปรับให้มีการเก็บคะแนนจากการฝึกงานเพื่อเป็นบันไดก้าวแรกในการรับนักศึกษาฝึกงานเข้าสู่ระบบงานของกรุงเทพมหานคร ตลอดจนเพื่อต่อยอดไอเดียต่าง ๆ จากนักศึกษาฝึกงานสู่การพัฒนางานให้แก่กรุงเทพมหานครต่อไป พร้อมจะปรับระบบให้พี่เลี้ยงที่ดูแลนักศึกษาฝึกงานได้ผลงานจากการปฏิบัติงานนี้
ต่อมาในเวลา 14.30 น. ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และรองผู้ว่าฯ ทวิดา ได้ให้โอวาทแก่นักศึกษาฝึกงานที่ห้องรัตนโกสินทร์ โดยผู้ว่าฯ ชัชชาติ ได้กล่าวถึงการนำกระบวนการคิดแบบ Design Thinking มาปรับใช้ในช่วงฝึกงานว่า กระบวนการคิดแบบ Design Thinking มี 5 ขั้นตอน ได้แก่ 1. Empathize คือทำความเข้าใจก่อนว่าความต้องการมีอะไร 2. Define คือกำหนดปัญหาว่าปัญหาที่จริงแล้วคืออะไรที่ต้องทำคำตอบ 3. Ideate คือออกไอเดียเยอะ ๆ คิดคำตอบเยอะ ๆ 4. Prototype คือสร้างต้นแบบหรือทำแบบจำลอง ซึ่งขั้นตอนนี้เป็นสิ่งที่เราทำอยู่ และ 5. Test คือทดสอบหรือทดลองทำ
“หลาย ๆ ครั้ง เราไม่เคยทำแบบจำลองว่าเราชอบทำอะไร เราอยากเรียนรู้อะไร การมาฝึกงานคือการทำ Prototype ทำต้นแบบ ได้มาลองรู้ว่าแบบนี้ชอบหรือไม่ชอบ และสุดท้ายก็จะพอรู้ว่า Passion เราคืออะไร แต่อาจจะไม่รู้ภายใน 4 เดือนที่เราฝึกงานก็ได้ ไม่เป็นไร แต่ต้องลองทำนู่นลองทำนี่เยอะ ๆ จะได้มีประสบการณ์และมีความรู้มากขึ้น ก็ขอให้ทุกคนฝึกงานอย่างมีความสุข” ผู้ว่าฯ ชัชชาติ กล่าวในตอนท้าย
ด้านรองผู้ว่าฯ ทวิดา ได้กล่าวแก่นักศึกษาฝึกงานว่า หวังว่ากิจกรรมครั้งนี้จะทำให้บรรยากาศการฝึกงานของทุกคนดีขึ้น เมืองเป็นของพวกคุณ หากไม่มีข้อมูลสามารถถามจากพี่ ๆ ได้ ส่วนจินตนาการที่เหลือเป็นของพวกคุณทั้งหมด ขอให้ร่วมสร้างสรรค์งานกันมา เก็บรวบรวมประสบการณ์กลับไปใช้เพื่อจบการศึกษาและการทำงานในอนาคตต่อไป
——————————