(5 ต.ค. 67) นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร พร้อมด้วย นางสาวศศิธร ประสิทธิ์พรอุดม สมาชิกสภากรุงเทพมหานคร เขตพระนคร นำคณะผู้บริหาร กทม. ร่วมกิจกรรม “ผู้ว่าฯ สัญจร (รอบ 2)” เขตพระนคร ซึ่งเป็นหนึ่งในกิจกรรมสำคัญตามนโยบาย “บริหารจัดการดี” เพื่อเวียนไปรับฟังปัญหา หารือกับแต่ละสำนักงานเขต และลงพื้นที่เพื่อติดตามความคืบหน้าของโครงการต่าง ๆ ตามนโยบาย และติดตามการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นจริง

ผู้ว่าฯ ชัชชาติ กล่าวว่า เขตพระนครเป็นเขตที่อยู่ใจกลางกรุงเทพมหานคร ปัญหาที่มักจะเจอคือเรื่องความไม่เป็นระเบียบเรียบร้อย อาทิ เรื่องเกี่ยวกับผู้ค้าบริเวณถนนข้าวสารที่มีการส่งเสียงซึ่งก่อให้เกิดเหตุเดือดร้อนรำคาญแก่พื้นที่ใกล้เคียง เรื่องคนไร้บ้านที่อยู่บริเวณริมถนนตรอกสาเก เรื่องทางเท้าริมแม่น้ำเจ้าพระยาบริเวณใต้สะพานพุทธฯ ที่จะมีโครงการปรับปรุงให้ดียิ่งขึ้น เรื่องน้ำท่วมและเขื่อนเนื่องจากพื้นที่พระนครมีพื้นที่เขื่อนริมแม่น้ำเจ้าพระยาเยอะ ซึ่งสถานการณ์วันนี้ไม่น่าเป็นห่วงเท่าไรเพราะที่ผ่านมาได้มีการปรับปรุงต่อเนื่อง 

ตอนนี้หัวใจหลัก ๆ คือเรื่องคนไร้บ้าน เรามีโครงการที่จะใช้พื้นที่บริเวณประปาแม้นศรีเดิมมาทำเป็นที่พักให้คนไร้บ้าน เพื่อให้คนไร้บ้านมีจุดพักพิงที่เป็นเรื่องเป็นราว และสะดวกแก่คนที่อยากมาช่วยให้สามารถนำอาหารมาให้ มาอบรมความรู้ต่าง ๆ ได้ ซึ่งน่าจะบรรเทาปัญหาในพื้นที่เขตพระนครลงไป ส่วนหาบเร่แผงลอยต้องเน้นความเป็นระเบียบให้มากขึ้นเนื่องจากยังมีจุดที่รกรุงรังอยู่ อาทิ แถวรามบุตรี หน้าวัดชนะสงคราม

สำหรับกิจกรรมผู้ว่าฯ สัญจร เขตพระนคร (รอบที่ 2 ) ประกอบด้วย จุดที่ 1 ตรวจแผนการปรับปรุงทางเท้าริมแม่น้ำเจ้าพระยา ณ บริเวณใต้สะพานพระพุทธยอดฟ้า โดยผู้ว่าฯ ชัชชาติ กล่าวว่า การปรับปรุงทางเท้าบริเวณนี้ สืบเนื่องจากมีปัญหา 2 ส่วน คือ สภาพทางเท้าที่เก่า และมีน้ำผุดมาจากเขื่อน เนื่องจากเขื่อนเป็นเขื่อนเก่าทำให้เวลาน้ำขึ้นน้ำจะดันออกมาเป็นน้ำรั่วซึม เมื่อมีการรื้อทางเท้าก็ต้องซ่อมเขื่อนก่อนจึงจะปูทางเท้าใหม่ ซึ่งจะทำยาวจากจักรวรรดิที่ได้มีการปรับปรุงทางเท้าแล้วต่อเนื่องมาจนถึงหน้าปากคลองตลาด วางกรอบระยะเวลาไว้ที่ 6 เดือน ตอนนี้ได้ผู้รับจ้างแล้วและจะทำฝั่งตรงข้ามด้วย ภายหลังปรับปรุง พื้นที่ตรงนี้น่าจะเป็นลานทำกิจกรรมได้ดีเพราะพื้นที่มีความกว้างและเป็นริมแม่น้ำ เช่น ทำถนนคนเดินเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจชุมชน นอกจากนี้พื้นที่ยังเชื่อมต่อกับคลองโอ่งอ่างได้ ถือเป็นเส้นทางที่คนสามารถเดินได้ตั้งแต่คลองคูเมืองเดิม ปากคลองตลาด คลองโอ่งอ่าง บางลำพู ซึ่งถ้าทำให้คนเดินได้ตลอดก็จะทำให้กระตุ้นเศรษฐกิจได้ดี 

ผู้ว่าฯ ชัชชาติ ยังกล่าวด้วยว่า จะเห็นว่าช่วงนี้มีการทำทางเท้าหลายแห่งทั่วกรุงเทพฯ เป็นพันกิโลเมตร เพื่อให้คนออกมาเดินเยอะขึ้น เชื่อว่าการเดินเป็นเรื่องสำคัญของเมือง เมืองที่จะมีคุณภาพต้องเป็นเมืองที่สามารถเดินได้ดี เราก็จะปรับปรุงเรื่องนี้ต่อไปเรื่อย ๆ งบปีนี้ก็มีลงเรื่องทางเท้าอีกเยอะ

ในส่วนของจุดที่ 2 ผู้ว่าฯ ชัชชาติและคณะ ได้ตรวจเยี่ยมและรับฟังปัญหาของชุมชนมัสยิดจักรพงษ์ และชุมชนวัดสังเวชวิศยาราม ณ บริเวณพิพิธบางลำพู ถนนพระสุเมรุ พร้อมมอบถังดับเพลิงให้แก่ชุมชนมัสยิดจักรพงษ์ 15 ถัง และชุมชนวัดสังเวชวิศยาราม 35 ถัง และมอบถุงยังชีพร่วมกับวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม (วัดโพธิ์) ให้แก่ชุมชนมัสยิดจักรพงษ์และชุมชนวัดสังเวชวิศยาราม ชุมชนละ 30 ชุด จากนั้นเยี่ยมชมการจัดเทศกาล “เสน่ห์บางลำพู” ซึ่งมีการจัดเทศกาลฯ ในวันที่ 5 – 6 ตุลาคม 2567 ระหว่างเวลา 12.00 – 18.00 น. ซึ่งจะมีกิจกรรมต่าง ๆ อาทิ การแสดงดนตรี ศิลปวัฒนธรรมไทย การพูดคุย เสวนา วิถีชีวิตชุมชนย่านบางลำพู กิจกรรม Workshop ฯลฯ รวมถึงมีกิจกรรมเปิดประสบการณ์ใหม่ ปั่นจักรยานน้ำ ซึ่งเปิดให้ร่วมกิจกรรม 9 รอบ/วัน รอบละ 30 นาที โดยมีจักรยานน้ำนั่งได้ 2 คน จำนวน 4 ลำ เริ่มรอบแรกเวลา 12.00 น. รอบสุดท้ายไม่เกิน 18.00 น.

จุดที่ 3 ร่วมกิจกรรมปลูกต้นไม้ (ต้นหางนกยูง) จำนวน 3 ต้น ณ บริเวณภายในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ซึ่งเป็นไปตามโครงการปลูกต้นไม้ 1 ล้านต้น สร้างพื้นที่สีเขียวและกำแพงกรองฝุ่นทั่วกรุง โดยในปัจจุบันโครงการนี้มียอดปลูกต้นไม้แล้ว 1,194,781 ต้น (ข้อมูล ณ วันที่ 5 ต.ค.67 เวลา 14.00 น.) ซึ่งประชาชนสามารถติดตามความคืบหน้าการปลูกต้นไม้ได้ที่ https://tree.bangkok.go.th/ และจุดที่ 4 ตรวจเยี่ยมและรับฟังปัญหาจากชุมชนท่าวังและมอบถุงยังชีพร่วมกับวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม (วัดโพธิ์) ให้แก่ชุมชนท่าวัง จำนวน 30 ชุด ณ บริเวณด้านหน้าชุมชนท่าวัง 

#บริหารจัดการดี #เดินทางดี #ปลอดภัยดี #เศรษฐกิจดี #สิ่งแวดล้อ

มดี

—————————