ปัจจุบันสังคมออนไลน์เข้ามามีอิทธิพลในชีวิตมากขึ้น ทำให้โลกความจริงและโลกเสมือนกลายเป็นพื้นที่ทับซ้อนกันจนแยกไม่ออก ซึ่งการเข้ามาของเทคโนโลยีก็ช่วยให้การติดต่อสื่อสาร การแสดงความคิดเห็น รวมถึงการรู้จักผู้คนใหม่ๆ เกิดได้อย่างง่ายดาย แต่ปัญหาจากการใช้พื้นที่สังคมออนไลน์อย่างไม่เข้าใจขอบเขตที่เหมาะสม ก็มีปรากฏให้เห็นรายวัน หนึ่งในนั้นคือ ปัญหาการคุกคาม ทางเพศออนไลน์ที่ยังไร้การเปลี่ยนแปลงไปในแนวทางที่ดีขึ้น
ด้วยเหตุนี้ บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือดีแทค ในฐานะผู้ให้บริการโทรคมนาคม ตระหนักถึงภัยออนไลน์ที่เกี่ยวกับการแสวงหาประโยชน์และการล่วงละเมิดทางเพศต่อเด็กทางออนไลน์ จึงผนึกกำลังกับ กรุงเทพมหานคร และ กลุ่มงานต่อต้านการล่วงละเมิดทางเพศต่อเด็กทางอินเทอร์เน็ต ตำรวจไซเบอร์ (TICAC-CCIB) เดินหน้าส่งมอบความรู้เด็กนักเรียนสังกัด กทม. เนื่องจากมีข้อมูลบ่งชี้ว่า เด็กไทยเสี่ยงตกเป็นเหยื่อจากการแสวงหาประโยชน์ทางเพศออนไลน์ สูงถึง 20% และมีสัดส่วน ผู้กระทำผิดสูงเป็นอันดับ 2 ของโลก
ดังนั้น ภายใต้โครงการ ‘dtac Safe Internet’จึงมุ่งส่งเสริมศักยภาพในการเข้าถึงทรัพยากรการศึกษา ให้ความรู้แก่เด็กและครูเกี่ยวกับการความปลอดภัยและการใช้งานอินเทอร์เน็ตอย่างมีความรับผิดชอบ
พ.ต.อ.รุ่งเลิศ คันธจันทร์ ผู้กำกับกลุ่มงานต่อต้านการล่วงละเมิดทางเพศต่อเด็กทางอินเทอร์เน็ต ในฐานะผู้ปฏิบัติงานในชุดปฏิบัติการปราบปรามการล่วงละเมิดทางเพศต่อเด็กทางอินเทอร์เน็ต (TICAC) เผยว่า ประเทศไทยกำลังตกอยู่ในความเสี่ยง และเผชิญกับความท้าทายที่รุนแรงจากการเผยแพร่สื่อที่มีการล่วงละเมิดทางเพศต่อเด็กทางออนไลน์
อย่างไรก็ตาม สำหรับกฎหมายไทย ความผิดจะเกิดขึ้น ต่อเมื่อมีความเสียหายเป็นที่เรียบร้อยแล้วเท่านั้น ตำรวจไม่สามารถแจ้งความผิดต่ออาชญากรได้ในขั้นตอนแสวงหา ไม่ว่าจะเป็นการสอดส่องพฤติกรรมตัวตนและความชอบของเหยื่อ การสร้างความเป็นมิตร เข้ามา ตีสนิทให้เด็กตายใจเพื่อล่วงละเมิดทางเพศในภายหลัง รวมถึงบทสนทนาว่าด้วยเรื่องเพศ
ซึ่งการเสริมสร้างภูมิคุ้มกันดิจิทัลให้เด็กด้วย องค์ความรู้ รู้จักระแวดระวัง และแนวทางการรับมือกับปัญหา จึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง ก่อนจะเกิดเหตุ บานปลายขึ้น ซึ่งอาชญากรไซเบอร์นั้นจะเก็บภาพเหยื่อไว้ บนออนไลน์ ซึ่งยากต่อการลบให้หมดไปอย่างสิ้นเชิง
ด้าน นายศานนท์ หวังสร้างบุญ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า นับตั้งแต่เดือน มิถุนายน 2565 กรุงเทพมหานครได้ร่วมมือกับ dtac Safe Internet อบรมความรู้ด้านความปลอดภัยการใช้งานออนไลน์ แก่นักเรียนในสังกัด กทม. อายุระหว่าง 11 – 13 ปี จำนวน 50 โรงเรียน กว่า 10,000 คน ผ่านคาบเรียน ‘BMA x dtac Safe Internet School Tour’ เพื่อให้มีองค์ความรู้และภูมิคุ้มกันต่อภัยการแสวงหาประโยชน์ทางเพศออนไลน์ เข้าใจถึงกระบวนการและสามารถรับมือได้อย่างทันท่วงที
จากการลงพื้นที่อบรมที่ผ่านมา พบว่า นักเรียนราว 3% เคยถูกร้องขอ ข่มขู่หรือกดดันให้ส่งรูปภาพ รวมถึงทำพฤติกรรมทางเพศทางออนไลน์ ซึ่งนักเรียนกว่า 13% เคยส่งรูปภาพ วิดีโอ หรือข้อมูลส่วนตัวให้คนแปลกหน้า และ 3% เคยได้รับภาพ ข้อความ หรือวิดีโอที่มีเนื้อหาส่อไปทางเพศ โดยช่องทางที่มิจฉาชีพแฝงตัวเข้ามา ประกอบไปด้วยช่องทางโซเชียลมีเดีย เกมส์ออนไลน์ รวมถึงแอปใหม่ๆ ที่ผู้ใหญ่ยังไม่คุ้นเคย
ขณะที่ นางอรอุมา ฤกษ์พัฒนาพิพัฒน์ ผอ.อาวุโส สายงานสื่อสารองค์กรและความยั่งยืน ดีแทค เล่าถึงความร่วมมือกับสำนักการศึกษากรุงเทพมหานคร มอบความรู้แก่นักเรียนว่า นับตั้งแต่ปี 2565 ได้มีการจัดทำหลักสูตรและกิจกรรมส่งเสริมการตระหนักรู้ในเรื่องการแสวงหาผลประโยชน์ทางเพศ ทั้งรูปแบบออนไลน์ และออฟไลน์ ที่มีมูลนิธิอินเทอร์เน็ตร่วมพัฒนาไทยให้ความร่วมมือและริเริ่มในการหยุดยั้งภัยดังกล่าว
นอกจากนี้ ยังมีการสร้างความตระหนักรู้ต่อสังคมและการมีส่วนร่วมของพลเมืองอินเทอร์เน็ต ผ่านแคมเปญการสื่อสาร และจะขยายผลการอบรมให้ครอบคลุมนักเรียนที่กำลังศึกษาอยู่ในชั้นประถมศึกษา ปีที่ 5 – 6 ทั่วประเทศ ซึ่งเริ่มตั้งแต่ปีนี้เป็นต้นไป
“การสื่อสารออนไลน์เป็นช่องทางสำคัญที่ช่วยให้ผู้กระทำผิดเข้าถึงตัวเด็กได้ง่ายและรวดเร็ว ใช้ประโยชน์จากความเปราะบางของเด็ก เพื่อหลอกลวง บีบบังคับ ชักชวน และแสวงหาประโยชน์ ดังนั้น กลไกการคุกคามของอาชญากรถือเป็นความผิดฐานค้ามนุษย์ ซึ่งเป็นอาชญากรรมที่ร้ายแรง ทำลายซึ่งสิทธิ เสรีภาพ ศักดิ์ศรี และความมั่นคงของมนุษย์”
“ข้อมูลจากตำรวจและแบบสำรวจที่ กทม. จัดทำร่วมกับ ดีแทค สะท้อนถึงความรุนแรงของปัญหาที่ต้องได้รับการแก้ไขอย่างเร่งด่วน ผ่านการอบรมให้ความรู้ สร้างภูมิคุ้มกันทางดิจิทัล”
“การเพิ่มภูมิคุ้มกันให้เด็กและเยาวชนเป็นเพียงจุดเริ่มต้นในการรับมือกับปัญหานี้เท่านั้น เพราะยังคงต้องการผนึกกำลังระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาสังคม เพื่อช่วยสร้างความตระหนักในสังคม และบังคับใช้กฎหมายได้อย่างเป็นระบบและตัดตอนได้อย่างทันท่วงที”
ที่มา: นสพ.มติชน ฉบับวันที่ 16 ม.ค. 2566 (กรอบบ่าย)