กทม. เร่งแก้ปัญหากัดเซาะฝั่งทะเลบางขุนเทียน สร้างแนวคันไม้ไผ่-ปลูกป่าชายเลนเพิ่ม
นายสุราษฎร์ เจริญชัยสกุล ผู้อำนวยการสำนักการระบายน้ำ (สนน.) กทม. กล่าวถึงความคืบหน้าการแก้ไขปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งทะเลบางขุนเทียนว่า โครงการป้องกันและแก้ไขปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งทะเลบางขุนเทียน กทม. ได้รับงบประมาณในปี 2567 โดยสภา กทม. เห็นชอบเพิ่มวงเงินผูกพันงบประมาณเป็นงบประมาณ กทม. 100% เมื่อวันที่ 30 ก.ค. 67 และจะเข้าสู่กระบวนการจัดซื้อจัดจ้าง ประกอบด้วย โครงการป้องกันและแก้ไขปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งทะเลบางขุนเทียนและศูนย์สำรวจและเฝ้าระวังชายฝั่ง ระยะเวลาก่อสร้างประมาณ 720 วัน และโครงการจ้างควบคุมงานก่อสร้างโครงการป้องกันและแก้ไขปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งทะเลบางขุนเทียนและศูนย์สำรวจและเฝ้าระวังชายฝั่ง ระยะเวลาดำเนินการ 1,440 วัน อย่างไรก็ตาม ในขณะที่ยังไม่มีการก่อสร้างโครงการฯ ดังกล่าว สนน. ได้ร่วมกับสำนักงานเขตบางขุนเทียนและชุมชนชายทะเลบางขุนเทียนดำเนินการมาตรการชั่วคราว โดยก่อสร้างแนวคันไม้ไผ่และปลูกป่าชายเลน เพื่อชะลอการกัดเซาะ
สำหรับพื้นที่ชายฝั่งทะเลบางขุนเทียน มีระยะทางชายฝั่งรวม 4.7 กิโลเมตร ที่ผ่านมาได้ถูกคลื่นกัดเซาะเข้าไปแล้วกว่า 900 เมตร ซึ่งการแก้ไขปัญหาเมื่อปี 2532 คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติให้จำแนกป่าชายเลน 2,735 ไร่ ออกจากป่าไม้ถาวรแห่งชาติและให้ กทม. รับไปดูแล เพื่อป้องกันการพังทลายของชายฝั่งโดยก่อสร้างแนวเขื่อนหินทิ้งในช่วงปี 2534 ปี 2536 ปี 2538 และปี 2539 ต่อมาในปี 2548 – 2550 สำนักการวางผังและพัฒนาเมือง กทม. ได้จ้างที่ปรึกษาศึกษาโครงการป้องกันและแก้ไขปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งทะเลบางขุนเทียน แบบไส้กรอกทราย รอดักตะกอนรูปตัวที (T-Groins) และมอบให้ สนน. ดำเนินการก่อสร้าง โดยก่อนเริ่มดำเนินการ ชาวบ้านไม่ได้คัดค้านโครงการ แต่ขอให้ปรับเปลี่ยนวัสดุที่ใช้ก่อสร้าง เนื่องจากเกรงว่า ไส้กรอกทรายจะแตก ทำให้หาดเต็มไปด้วยทรายและส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศน์และความอุดมสมบูรณ์ของสัตว์น้ำนานาชนิดที่อาศัยอยู่ในป่าชายเลน
นอกจากนี้ ในปี 2556 สนน. ได้จ้างที่ปรึกษา เพื่อศึกษาทบทวนความเหมาะสมและผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) โครงการป้องกันและแก้ไขปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งทะเลบางขุนเทียน เพื่อนำเสนอต่อคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติพิจารณาอนุมัติก่อน ทั้งนี้ ที่ปรึกษาได้ทบทวนรายละเอียดโครงการและรูปแบบของคันหินป้องกันการกัดเซาะชายฝั่ง โดยเปลี่ยนจากโครงสร้างคันหินขาตัวที เป็นโครงสร้างคันหินไม่มีขา และกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้มีหนังสือแจ้งความเห็นชอบของคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ เมื่อวันที่ 25 ธ.ค. 62
เขตหนองจอกเร่งแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนจากสุนัขของเพื่อนบ้านในซอยสังฆสันติสุข
นายไพโรจน์ จันทรอด ผู้อำนวยการเขตหนองจอก กทม. กล่าวกรณีประชาชนที่พักอาศัยในซอยสังฆสันติสุข ได้รับความเดือดร้อนจากเพื่อนบ้านเลี้ยงสุนัขจำนวนมาก เห่าเสียงดังรบกวนและส่งกลิ่นเหม็นว่า สำนักงานเขตฯ ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบสถานที่ดังกล่าว พบเป็นบ้านเดี่ยว 2 ชั้น เลี้ยงสุนัขพันธุ์เล็กไว้บริเวณหลังบ้าน เห่าส่งเสียงดังเป็นเวลานาน และพบผู้ดูแลสุนัข สำนักงานเขตฯ จึงได้ออกหนังสือแนะนำเจ้าพนักงานฯ ต่อมาเจ้าของสุนัขได้ติดต่อมายังฝ่ายสิ่งแวดล้อมและสุขาภิบาล สำนักงานเขตฯ เพื่อชี้แจงข้อเท็จจริงและหารือแนวทาง การแก้ไขปัญหาเหตุเดือดร้อนรำคาญ เจ้าหน้าที่ได้แนะนำเบื้องต้นว่า จำนวนสุนัขมีมากเกินสมควร จึงขอให้ขยับขยายไปสถานที่อื่น หรือเลี้ยงระบบปิดกั้นสิ่งเร้าก่อนและติดตามผล
ทั้งนี้ ภายหลังสำนักงานเขตฯ ได้ตรวจติดตามสถานที่ดังกล่าว พบว่า มีการดำเนินการแก้ไขโดยใช้แผ่นสังกะสีปิดบริเวณรั้วบ้าน เพื่อป้องกันไม่ให้สุนัขเห็นสิ่งเร้า พร้อมทั้งติดต่อสอบถามผู้ร้องเรียน ซึ่งผู้ร้องเรียนแจ้งว่า ยังได้รับความเดือดร้อนเรื่องเสียงสุนัขเห่าเหมือนเดิม จึงได้แจ้งเจ้าของสุนัข เพื่อหาแนวทางแก้ไขปัญหา โดยเจ้าหน้าที่แนะนำให้ลดจำนวนสุนัขลงและเลี้ยงภายในห้องมิดชิด รวมทั้งแนะนำให้เจรจากับผู้ร้องเรียนโดยตรง
อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 26 ส.ค. 67 ผู้ร้องเรียนได้ร้องเรียนผ่านสื่อมวลชนและติดต่อมายังสำนักงานเขตฯ เพื่อปรึกษาขอเจรจากับเจ้าของสุนัขถึงแนวทางแก้ไขเหตุเดือดร้อนรำคาญดังกล่าว โดยขอให้เจ้าหน้าที่สำนักงานเขตฯ เป็นคนกลางรับฟังการเจรจาในครั้งนี้ ซึ่งผลการเจรจาได้ข้อสรุปว่า ต้องใส่ปลอกคอไฟฟ้า ป้องกันการเห่าในสุนัขตัวที่เห่าบ่อยครั้ง พร้อมทั้งทำผนังกั้นห้องเลี้ยงสุนัขในระบบปิดมิดชิด ซึ่งอยู่ระหว่างหาช่างผู้รับเหมา ขณะเดียวกันสำนักงานเขตฯ ได้มีหนังสือถึงเจ้าของสุนัขเรื่อง คำสั่งเจ้าพนักงานท้องถิ่นให้ปรับปรุงแก้ไข เพื่อระงับเหตุรำคาญ โดยสำนักงานเขตฯ จะเร่งติดตามการแก้ไขปัญหาตามที่คู่กรณีได้เจรจาและตกลงร่วมกันต่อไป
