สภากทม.เยือนสภาปักกิ่ง ประชุมความร่วมมือการทำงานสองเมือง / หารือเตรียมแลกเปลี่ยนเทคโนโลยียานยนต์ไร้คนขับพัฒนาระบบขนส่งกทม.ในอนาคต

นางชญาดา วิภัติภูมิประเทศ รองประธานสภากรุงเทพมหานคร คนที่หนึ่ง นำคณะสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร เข้าเยี่ยมคารวะ นายหลี ซิวหลิง ประธานสภาประชาชนกรุงปักกิ่ง ในโอกาสเดินทางเข้าร่วมการประชุมแลกเปลี่ยนความร่วมมือกับสภาประชาชนกรุงปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน ตามกรอบความสัมพันธ์สภาบ้านพี่เมืองน้อง ระหว่างวันที่ 21-24 พฤษภาคม 2567 สำหรับการเดินทางเยือนสภาประชาชนกรุงปักกิ่งครั้งนี้ มีประเด็นการประชุมหารือเกี่ยวกับการทำงานระหว่างสภาทั้งสองในด้านต่างๆ เช่น ด้านการกีฬา ด้านการจราจรและการขับขี่อัตโนมัติ และด้านการศึกษา อันเกี่ยวข้องกับภารกิจการทำงานของคณะกรรมการสามัญประจำสภากรุงเทพมหานครชุดปัจจุบัน เพื่อการพัฒนากรุงเทพมหานคร ควบคู่ไปกับการกระชับความสัมพันธ์อันดีระหว่างสภาเมืองทั้งสอง

สภาประชาชนกรุงปักกิ่งและสภากรุงเทพมหานครได้แลกเปลี่ยนคณะผู้แทนเพื่อ ส่งเสริมความสัมพันธ์ฉันมิตรระหว่างสภาเมืองทั้งสอง นับตั้งแต่ที่ทั้งสองสภาเมืองได้ร่วมกันลงนามในบันทึกข้อตกลงการสถาปนาความสัมพันธ์สภาบ้านพี่ เมืองน้อง ระหว่างสภากรุงเทพมหานครและสภาประชาชนกรุงปักกิ่ง เมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายน 2544 (ค.ศ. 2001) ณ กรุงปักกิ่ง เพื่อสถาปนาความสัมพันธ์ สภาบ้านพี่เมืองน้อง และได้ร่วมกันส่งเสริมความร่วมมือ รวมถึงพัฒนาสัมพันธไมตรีระหว่างกันเรื่อยมาจนถึงปัจจุบันเป็นเวลารวม 23 ปี

ในการไปเยือนครั้งนี้ คณะฯได้เข้าประชุม แลกเปลี่ยนความร่วมมือด้านการกีฬา ณ พิพิธภัณฑ์โอลิมปิก ซึ่งกรุงปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน เป็นเมืองแรกของโลกที่ได้รับเลือกให้เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกฤดูร้อน ในปี ค.ศ.2008 และฤดูหนาว ในปี ค.ศ.2022 ที่ผ่านมา ซึ่งพิพิธภัณฑ์โอลิมปิกก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ.2009 ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของสนามกีฬาแห่งชาติ (สนามกีฬารังนก) มีพื้นที่รวม 26,000 ตร.ม. จัดแสดงนิทรรศการต่างๆ รวมถึง กิจกรรมเพื่อการศึกษา วิจัย และวัฒนธรรม ในส่วนของ พิพิธภัณฑ์เปิดให้ประชาชนเข้าชมโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย เพื่อให้คนรุ่นใหม่เกิดความรักในกีฬาและภูมิใจในชาติและเป็นการส่งเสริมให้ประชาชนได้เรียนรู้และพัฒนาทักษะในเรื่องการกีฬาอีกด้วย

นอกจากนี้ คณะฯ ยังได้ร่วมประชุมกับ นายเซียง หยูเยา ผู้บริหารสำนักงานการขับขี่อัตโนมัติ กรุงปักกิ่ง ประเด็นการแลกเปลี่ยนความร่วมมือด้านการจราจรและขนส่ง การพัฒนาเทคโนโลยีระบบ ขับเคลื่อนอัจฉริยะ ณ สำนักงานการขับขี่อัตโนมัติ กรุงปักกิ่ง โดยสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 จีนได้พัฒนาเทคโนโลยีระบบขับเคลื่อนอัจฉริยะ ให้ยานยนต์สามารถเรียนรู้ด้วยตนเองขณะขับขี่ เพื่อใช้ ในการขนส่งอาหารและเวชภัณฑ์ต่างๆ ซึ่งเป็นนวัตกรรม ที่สามารถแก้ไขข้อกังวลด้านความปลอดภัยสำหรับการขับขี่อัตโนมัติ และต่อยอดการให้บริการเชิงพาณิชย์ ในรูปแบบรถแท็กซี่ รับ-ส่ง ผู้โดยสารในพื้นที่กำหนด เมื่อต้นเดือนมกราคมที่ผ่านมาได้เปิดตัวการทดสอบบนท้องถนนของรถตำรวจสายตรวจไร้คนขับ เป็นรถลาดตระเวนไร้คนขับไฟฟ้า มี เทคโนโลยีการขับขี่อัตโนมัติระดับ 4 สามารถเปลี่ยนแบตเตอรี่ได้ภายใน 30 วินาที ระยะการขับขี่ 100 กม. และได้มีการทดสอบกับรถขนส่งสินค้าไร้คนขับโดยทดลองวิ่งบน ทางด่วนในภูมิภาคปักกิ่ง-เทียนจิน- เหอเป่ย ซึ่งเป็นเส้นทางหลักของ เขตเศรษฐกิจทางตอนเหนือของจีน ทั้งนี้ ยังต้องยกระดับทางเทคโนโลยีเพื่อให้รถยนต์ไฟฟ้าไร้คนขับสามารถรับมือกับสภาพ แวดล้อมท้องถนนที่มีความซับซ้อน มากยิ่งขึ้น พัฒนาคุณภาพการให้บริการ ขยายเขตนำร่อง และขยายการให้บริการเชิงพาณิชย์ให้กว้างขวางขึ้น ภายใต้เงื่อนไขที่ควบคุมความปลอดภัย

ซึ่งทางสภากทม. เห็นว่า การใช้เทคโนโลยีพัฒนาระบบคมนาคมของกรุงปักกิ่ง น่าจะเป็น ประโยชน์สำหรับการพัฒนาด้านการจราจรและขนส่งของกรุงเทพมหานคร โดยเฉพาะรถบริการสาธารณะ นับเป็น นวัตกรรมทางเทคโนโลยีที่น่าศึกษา และนำมาพัฒนาเพื่อความสะดวกและความปลอดภัยของประชาชนในกรุงเทพฯ โดยจะผลักดันให้ฝ่ายบริหารพัฒนานวัตกรรมระบบโครงข่ายคมนาคมให้มีมาตรฐานวิศวกรรมจราจรและขนส่งต่อไป

ที่มา:  นสพ.แนวหน้า ฉบับวันที่ 27 พ.ค. 2567