(19 ก.พ. 67) เวลา 16.00 น. นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ร่วมการประชุมการแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบ โดยมี นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง ประธานที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุม ณ ห้องนพรัตน์ ชั้น 5 ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร (เสาชิงช้า) เขตพระนคร
ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า ขอขอบคุณท่านประธานที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี ที่มาให้ความรู้เกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาหนี้สิน ที่จริงแล้วปัญหาหนี้สินไม่ได้มีเฉพาะประชาชน แต่รวมถึงข้าราชการลูกจ้างของกรุงเทพมหานคร ซึ่งวันนี้ได้รับข้อมูลที่ดีมากเพื่อให้กรุงเทพมหานครนำไปปฏิบัติ เพื่อลดปัญหาภาระหนี้สินให้กับประชาชนและข้าราชการลูกจ้างของกรุงเทพมหานครต่อไป
ประธานที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในเรื่องของปัญหาหนี้สินแบ่งออกได้เป็น 4 เรื่อง เรื่องแรกคือ หนี้ กยศ. (กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา) ซึ่งข้าราชการและลูกจ้างของกรุงเทพมหานคร อาจจะต้องผ่อนหนี้ กยศ.อยู่ บางรายที่ผ่อนถูกต้องขอให้ผ่อนต่อไปจนครบ ส่วนบางรายที่ผ่อนไม่ครบหรือหยุดผ่อน ขณะนี้มีกฎหมายใหม่เกิดขึ้นแล้ว ขอให้รีบดำเนินการติดต่อไปยัง กยศ. โดยเร็ว เรื่องที่ 2 เป็นเรื่องเงินกู้ของข้าราชการและลูกจ้าง ที่มีการกู้จากสวัสดิการ สหกรณ์ หรือธนาคาร ซึ่งข้อสั่งการตามมติครม.โดยท่านนายกรัฐมนตรี เศรษฐา ทวีสิน มีความชัดเจนที่อยากเห็นอัตราดอกเบี้ยที่ลดต่ำลง และไม่เกิดภาระหนี้สินจำนวนมาก โดยการยืดงวดหนี้ มีการใช้ทุนเรือนหุ้นมาลดฐานเงินกู้ลง จะทำให้ข้าราชการและลูกจ้างมีเงินเหลือเพิ่มมากขึ้น ส่วนธนาคารที่ปล่อยกู้ให้กับข้าราชการและลูกจ้าง จะมีการเจรจาให้ปรับลดดอกเบี้ยลงมาขณะนี้กำลังเจราจากันอยู่ เรื่องที่ 3 เรื่องของหนี้สินนอกระบบ ซึ่งครม. ได้กำหนดไว้ห้ามเรียกเก็บดอกเบี้ยเกินกว่าอัตราดอกเบี้ยที่ครม.กำหนด คือไม่เกินร้อยละ 15 ของผู้ให้กู้ที่ไม่ใช่สถาบันการเงิน ซึ่งเจ้าหนี้จะต้องปฏิบัติอย่างเคร่งครัด ส่วนลูกหนี้ที่จ่ายดอกเบี้ยจนท่วมต้นไปหมดแล้ว ความจริงถือว่าได้จ่ายหนี้จนครบหมดแล้ว การที่จะเข้มแข็งยืนยันเป็นสิทธิของลูกหนี้ที่จะต้องช่วยกัน ถ้าลูกหนี้ไม่กล้าก็คงไม่มีใครที่จะช่วยได้ เรื่องที่ 4 เป็นเรื่องหนี้ในระบบทั้งหลายที่เป็นอยู่ หนี้ในครัวเรือน 16.5 ล้านล้านบาท บริษัทข้อมูลสินเชื่อ 13.5 ล้านล้านบาท ซึ่งเป็นหนี้ที่น่าเป็นห่วง ยอดหนี้เสียที่ขยับขึ้นเรื่อย ๆ ต้องช่วยกันแก้ไข ใช้สิทธิตามกฎหมาย เรื่องบัตรเครดิต การใช้สิทธิปรับโครงสร้างหนี้สิน ท้ายนี้ขอบคุณทางกรุงเทพมหานครที่ให้โอกาสมานำเรียนในเรื่องปัญหาหนี้สิน รัฐบาลพร้อมทำงานร่วมกันกับผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครและทีมผู้บริหารกรุงเทพมหานครต่อไป
“หัวใจสำคัญก็คือการแก้ไขปัญหาหนี้สินให้กับประชาชน รวมถึงข้าราชการและลูกจ้างของกรุงเทพมหานคร เมื่อเราได้รับข้อมูลที่ถูกต้อง ก็จะทำให้การแก้ไขปัญหาเหล่านี้เป็นไปอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ซึ่งกรุงเทพมหานครพร้อมทำงานร่วมกับรัฐบาลอย่างใกล้ชิด” ผู้ว่าฯ ชัชชาติ กล่าว
ด้านรองผู้ว่าฯ ศานนท์ กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับการลงทะเบียนลูกหนี้นอกระบบของกรุงเทพมหานคร ตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2566 ถึงวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2567 เป็นผู้ที่ walk in เข้ามา 1,345 ราย เป็นลูกหนี้ 9,366 ราย เป็นเจ้าหนี้ 8,288 ราย รวมยอดหนี้ทั้งหมด 918,241,360.12 บาท ความต้องการที่จะรับช่วยเหลือ การเจรจา 2,273 ราย เงินกู้ 9,966 ราย อาชีพ 237 ราย สาเหตุการเป็นหนี้นอกระบบ อุปโภค 9,879 ราย ลงทุน 6,778 ราย ค่าเทอม 3,912 ราย ต่อเติม 1,264 ราย
ในการนี้มี นายต่อศักดิ์ โชติมงคล ประธานที่ปรึกษาของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร นายศานนท์ หวังสร้างบุญ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร นางวันทนีย์ วัฒนะ ปลัดกรุงเทพมหานคร ผศ.เกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ ที่ปรึกษาของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร นายภิมุข สิมะโรจน์ เลขานุการผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร นายเอกวรัญญู อัมระปาล ผู้ช่วยเลขานุการผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และโฆษกของกรุงเทพมหานคร นายแสนยากร อุ่นมีศรี ผู้อำนวยการสำนักพัฒนาสังคม พร้อมด้วยคณะผู้บริหารสำนักพัฒนาสังคม ผู้อำนวยการเขต 50 เขต ร่วมประชุม ณ ห้องนพรัตน์ ชั้น 5 ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร และผ่านระบบออนไลน์
—– (จิรัฐคม…สปส.รายงาน)