.
ปัจจัยหลักที่สำคัญประการหนึ่งที่ทำให้ค่าฝุ่นในกรุงเทพฯ สูงขึ้น คือ ฝุ่นจากภายนอกกรุงเทพฯ และจากภายนอกประเทศ ซึ่งจากรายงานเกิดจากการเผา โดย 84% ของวันที่เกิน 37.5 มคก.ลบ.ม. ตรงกับวันที่พบการเผาในกัมพูชาเกิน 1,000 จุด และ 100% ของวันที่เกิน 50 มคก.ลบ.ม. ตรงกับวันที่พบการเผาในกัมพูชาเกิน 1,000 จุด
.
ซึ่งจากข้อมูลพบว่าในปี 2566 ตรวจพบจุดเผาในประเทศเพื่อนบ้าน จำนวน 25,856 จุด และในปี 2567 เพิ่มเป็น 49,983 จุด มากขึ้นถึง 93% ส่วนในประเทศพบจุดเผาในพื้นที่ภาคกลางและภาคตะวันออก โดยปี 2566 พบจุดเผา จำนวน 5,981 จุด และในปี 2567 ลดลงเหลือ 3,252 จุด ลดลง 46% ส่วนในพื้นที่กรุงเทพฯ 2566 พบจุดเผา เพียง 6 จุด ส่วนปี 2567 พบจุดเผา 1 จุด ลดลง 83%
.
นอกจากนี้ ยังพบว่าความสัมพันธ์ระหว่างค่าฝุ่นจากเครื่องตรวจวัดระดับพื้นดิน ของสถานีตรวจวัดคุณภาพอากาศที่จตุจักร เทียบกับ เครื่องตรวจวัดเสาสูงระดับ 110 เมตร ที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
.
เมื่อค่าฝุ่นของเครื่องตรวจวัดระดับพื้นดินสูงกว่า 50 มคก.ลบ.ม. = มีโอกาส 71% ที่ค่าฝุ่นของของเครื่องตรวจ 110 ม. จะสูงกว่าอย่างมีนัยยะ (มากกว่า 10 มคก.ลบ.ม.)
.
เมื่อค่าฝุ่นของเครื่องตรวจวัดระดับพื้นดินต่ำกว่า 37.5 มคก.ลบ.ม. = มีโอกาส 80% ที่ 1) ค่าฝุ่นของเครื่องตรวจวัดระดับ 110 ม. จะตํ่ากว่า หรือ 2) ค่าฝุ่นของเครื่องตรวจวัดระดับ 110 ม. จะสูงกว่าอย่างไม่มีนัยยะ (ในอัตราที่น้อยกว่า 5 มคก.ลบ.ม.)
.
อย่างไรก็ตาม จุดความร้อน (Hot Spot) คือจุดที่ดาวเทียมตรวจพบค่าความร้อนสูงผิดปกติจากค่าความร้อนบนผิวโลก ซึ่งส่วนมากก็คือความร้อนจากไฟ แสดงในรูปแบบแผนที่เพื่อนำเสนอตำแหน่งที่เกิดไฟในแต่ละพื้นที่แบบคร่าวๆ การได้มาซึ่งข้อมูลจุดความร้อนอาศัยหลักการที่ว่า ดาวเทียมสามารถตรวจวัดคลื่นรังสีอินฟราเรดหรือรังสีความร้อนที่เกิดจากไฟ (อุณหภูมิสูงกว่า 800 องศาเซลเซียส) บนพื้นผิวโลก จากนั้นก็ประมวลผลแสดงในรูปแบบจุด
ขอบคุณข้อมูล : กรมอุตุนิยมวิทยา, GISTDA, มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์