(30 ม.ค. 67) ณ ศูนย์พัฒนาเด็กก่อนวัยเรียนชุมชนฟื้นนครร่มเกล้า ระยะ 4 โซน 10 (เคหะร่มเกล้า) เขตลาดกระบัง : นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นประธานในพิธีรับมอบ “ห้องเรียนปลอดฝุ่น” ในโครงการปรับปรุงคุณภาพอากาศภายในอาคาร ให้กับศูนย์พัฒนาเด็กเล็กก่อนวัยเรียน ชุมชนฟื้นนครร่มเกล้า ระยะ 4 โซน 10 เขตลาดกระบัง จากบริษัท สยามไดกิ้นเซลส์ จำกัด และบริษัท ไดกิ้น อินดัสทรีส์ (ประเทศไทย) จำกัด ด้วยการติดตั้งเครื่องปรับอากาศและเครื่องระบายอากาศ Daikin จํานวน 4 ชุด มูลค่า 596,539 บาท
ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า กทม.มีศูนย์พัฒนาเด็กก่อนวัยเรียนอยู่ 274 ศูนย์ และมีเด็กในการดูแลกว่า 17,000 คน ที่อยู่ภายใต้การดูแลของกรุงเทพมหานคร ซึ่งปัญหาฝุ่น PM 2.5 เป็นเรื่องที่สำคัญ และเด็กกลุ่มนี้ถือเป็นกลุ่มเปราะบางที่จะได้รับผลกระทบจาก PM 2.5 ก่อน ต้องยอมรับว่ากทม.ยังไม่สามารถแก้ปัญหาที่ต้นเหตุได้ครบ จึงต้องแก้ปัญหาที่ปลายเหตุด้วยการติดตั้งเครื่องปรับอากาศและเครื่องกรองอากาศให้เด็กก่อน โดยห้องฯ ดังกล่าวต้องสามารถ “กั้น” ฝุ่นข้างนอกไม่ให้เข้ามาในห้องโดยการอุดรอยรั่วของห้อง “กรอง” ฝุ่นในห้องโดยใช้เครื่องกรองอากาศ “ดัน” ฝุ่นออกไปจากห้องโดยการนำอากาศจากข้างนอกห้องที่กรองแล้วเข้ามาในห้อง และกทม.จะนำห้องเรียนปลอดฝุ่นรูปแบบนี้เป็นต้นแบบไปขยายผลไปสู่ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กฯ อื่นเพิ่มเติมต่อไป
ในส่วนของสถานการณ์ฝุ่น PM 2.5 ในปัจจุบันจากการติดตามรายงานสภาพอากาศจากหลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง คาดการณ์ว่า ต้นเดือนกุมภาพันธ์นี้ ค่าฝุ่น PM 2.5 ในพื้นที่กรุงเทพฯจะดีขึ้น ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศและลมที่พัดเข้ามา ซึ่งในปัจจุบันลมจากทิศตะวันออกพัดเอาฝุ่นละอองจากการเผาในพื้นที่ประเทศเพื่อนบ้านเข้ามาในประเทศไทยและบางส่วนถึงกรุงเทพฯ แล้ว ประกอบกับสภาพอากาศปิด ในขณะเดียวกันลมทะเลจากทิศใต้ที่พัดเข้ามานั้นจะพัดเอาฝุ่นละอองขึ้นไปทางภาคเหนือแทน ซึ่งยังต้องติดตามสถานการณ์ฝุ่นและสภาพอากาศอย่างต่อเนื่อง และขอให้ประชาชนป้องกันตนเอง เช่น สวมหน้ากากป้องกัน PM2.5 งดทำกิจกรรมหรือการออกกำลังกายกลางแจ้ง
ควรสังเกตอาการผิดปกติ เช่น ไอ หายใจลำบาก ระคายเคืองตา หากมีอาการผิดปกติให้รีบไปพบแพทย์ ซึ่งประชาชนสามารถตรวจสอบข้อมูลคุณภาพอากาศก่อนออกจากบ้าน ผ่านทางแอปพลิเคชัน AirBKK
นอกจากนี้กทม.ยังมีการวางมาตรการระยะสั้นในการแก้ปัญหาฝุ่น PM 2.5 ด้วยการรณรงค์การเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง และไส้กรองอากาศ เพื่อช่วยลดฝุ่น PM 2.5 ตามโครงการ “รถคันนี้ #ลดฝุ่น” และมีการขอความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งในและต่างประเทศ เช่น การประสานผ่านกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ให้ชี้แจงไปยังเลขาธิการอาเซียน เรื่องการเผาชีวมวลจากประเทศเพื่อนบ้าน ส่วนมาตรการระยะยาวต้องขยายผลโครงการต่าง ๆ เพื่อสร้างความปลอดภัยให้กับกลุ่มเปราะบางและประชาชน เช่น โครงการห้องเรียนปลอดฝุ่น หรือโครงการเปลี่ยนรถยนต์เป็นระบบไฟฟ้า EV ให้มากขึ้น
ทั้งนี้ กทม.ได้รับความร่วมมือจากเครือข่ายบริษัทเครื่องปรับอากาศภาคเอกชน (บริษัทสยามไดกิ้นเซลส์ จำกัด และ บริษัท ไดกิ้น อินดัสทรีส์ (ประเทศไทย) จำกัด ) ร่วมกับสมาคมส่งเสริมคุณภาพอากาศในอาคาร และมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี ที่มอบนวัตกรรมที่เข้ามามีบทบาทกับการแก้ปัญหาฝุ่นละออง PM 2.5 ภายใต้เทคโนโลยีการปรับอากาศที่สามารถลดมลพิษและสิ่งแปลกปลอม พร้อมสร้างอากาศที่สมบูรณ์แบบต่อทุกการอยู่อาศัย ซึ่งผลจากการดำเนินงานที่ผ่านมา ทำให้สุขภาพของคนไทยดีขึ้น และยังช่วยให้การดูแลสุขอนามัยของเด็กเล็ก ที่ต้องการพื้นที่เพื่อการเติบโตและสร้างพัฒนาการอย่างมีคุณภาพ ในการริเริ่มโครงการ “ห้องเรียนปลอดฝุ่น” ด้วยการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อสร้างสภาพแวดล้อมที่ดีในอาคาร มอบสุขภาพดีให้กับทุกคน
การส่งมอบ “ห้องเรียนปลอดฝุ่น” ในวันนี้มี ดร.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรกรุงเทพมหานคร เขตลาดกระบัง ดร.สุรจิตต์ พงษ์สิงห์วิทยา สมาชิกสภากรุงเทพมหานคร เขตลาดกระบัง นายชัชชญา ขำจันทร์ ผู้อำนวยการเขตลาดกระบัง นายนิธิรัตน์ บุญตานนท์ ผู้อำนวยการสถาบันพัฒนาสุขภาวะเขตเมือง นางสาวนัยนา ใช้เทียมวงศ์ ผู้อำนวยการกองประเมินผลกระทบต่อสุขภาพ
ผศ.ดร.ประพัทธ์ พงษ์เกียรติกุล อาจารย์มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี นายเจษฎา ทรัพย์เจริญ กรรมการผู้จัดการ บริษัทสยามไดกิ้นเซลส์ จำกัด พร้อมด้วยคณะและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกิจกรรม
#สิ่งแวดล้อมดี #ห้องเรียนปลอดฝุ่น
—————