(19 ม.ค. 67) นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เปิดเผยถึงสถานการณ์ฝุ่นในพื้นที่กรุงเทพฯ ว่า ในช่วงนี้สถานการณ์อาจดูรุนแรงแต่จะค่อย ๆ ดีขึ้นใน 2-3 วัน ซึ่งมีปัจจัยที่เกี่ยวข้องได้แก่ ลมอ่อน โดยมีความเร็วลมอยู่ที่ 6 กิโลเมตร/ชั่วโมง การระบายอากาศค่อนข้างไม่ดี เกิดภาวะอากาศปิดใกล้ผิวพื้น ส่งผลให้เกิดการสะสมของฝุ่นละอองเพิ่มขึ้น เนื่องจากการระบายฝุ่นละอองเป็นไปอย่างจำกัด โดยฝุ่นมาจากหลายสาเหตุ คือ จากรถยนต์ส่วนหนึ่งและจากการเผาชีวมวล ในปีนี้จะเห็นว่ามีการเผาชีวมวลเร็วกว่าปีที่แล้ว พบจุด Hotspot เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะ Hotspot ในภาคกลาง ซึ่งเพิ่มขึ้นกว่าปีที่แล้วคิดเป็น 107% และเริ่มเห็น Hotspot ในประเทศเพื่อนบ้าน ทำให้ต้องประสานงานกับหลาย ๆ ภาคส่วน เชื่อว่ารัฐบาลก็ตื่นตัวกับเรื่องนี้ โดยได้มีการประสานงานตลอด
ส่วนค่าฝุ่น PM2.5 เช้านี้ อยู่ที่ประมาณ 50 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ซึ่งตามหลักถ้าคาดการณ์เป็นสีแดงติดต่อกัน 3 วัน จะประกาศ Work From Home (WFH) ตอนนี้ยังไม่ถึงกับต้องประกาศ เนื่องจากเสาร์-อาทิตย์น่าจะคลี่คลาย ซึ่งกทม.ได้มีการมอนิเตอร์การรายงานสภาพอากาศอย่างต่อเนื่อง
อย่างไรก็ตาม หากประชาชนมีสภาวะเปราะบางทางการหายใจก็ควรที่จะใส่หน้ากากสำหรับป้องกันฝุ่น PM2.5 ก่อนออกจากบ้าน ในส่วนของกลุ่มคนเปราะบางกรุงเทพมหานครมีหน่วยแพทย์ที่ดูแลในส่วนนี้อยู่โดยเฉพาะ รวมทั้งมีการลงชุมชนเข้าไปแจกหน้ากากอนามัยป้องกันฝุ่น PM2.5 ให้คนเปราะบางในชุมชนด้วย
“สำหรับแคมเปญ “รถคันนี้ลดฝุ่น” ถ้าเปลี่ยนน้ำมันเครื่องกับภาคีเครือข่ายที่ร่วมแคมเปญจะได้รับสติกเกอร์มาติดที่รถ และได้รับสิทธิ์จอดรถฟรีเพิ่ม เช่น เซ็นทรัล ให้สิทธิ์จอดรถฟรีเพิ่ม 2 ชั่วโมง เมื่อสัปดาห์ที่แล้วมีรถเข้าร่วมแคมเปญประมาณ 81,000 คัน ตอนนี้ตัวเลขน่าจะเพิ่มขึ้น นี่เป็นวิธีหนึ่งที่จะมีส่วนร่วมในการช่วยลดฝุ่น PM2.5 โดยเฉพาะรถเก่า ถ้าเปลี่ยนน้ำมันเครื่องและไส้กรองจะช่วยลดฝุ่น PM2.5 ได้มากกว่าเท่าตัว ปัจจุบันมีค่ายรถและภาคเอชนเข้าร่วมค่อนข้างเยอะ เป็นการช่วยกันอย่างเต็มที่ โดยเฉพาะรถยนต์ดีเซลหรือรถรุ่นเก่าสามารถเปลี่ยนได้ก่อนถึงแม้ยังไม่ถึงเวลาเปลี่ยน เพราะช่วงนี้เป็นช่วงที่สภาวะสภาพอากาศที่วิกฤต อยากฝากให้ทุกคนช่วยกัน เพราะทุกคนสามารถเป็นผู้ดูแลอากาศในพื้นที่กรุงเทพฯ ได้” ผู้ว่าฯ ชัชชาติ กล่าวในตอนท้าย
——————————- (พัทธนันท์…สปส./ณิชนันทน์…นศ.ฝึกงาน รายงาน)