กทม.ปรับรูปแบบโครงการก่อสร้างสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาแยกเกียกกาย ลดผลกระทบประชาชน
นายจิระเดช กรุณกฤตกุล รองผู้อำนวยการสำนักการโยธา กทม. รักษาราชการแทนผู้อำนวยการสำนักการโยธา กล่าวกรณีกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) มีข้อสังเกตถึงการมีส่วนร่วมของประชาชนในโครงการก่อสร้างสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาบริเวณแยกเกียกกายและผลกระทบต่อประชาชนที่อาศัยบริเวณชุมชนกำแพงเพชร 5 ว่า โครงการก่อสร้างสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาบริเวณแยกเกียกกายเป็นโครงการที่ กทม.ได้รับมอบหมายจากรัฐบาล ตามมติคณะกรรมการจัดการจราจรทางบก รวมทั้งเป็นโครงการเร่งด่วนลำดับแรกที่อยู่ในแผนแม่บทสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล เพื่อแก้ไขปัญหาการจราจรในภาพรวมของกรุงเทพฯ เชื่อมโยงและพัฒนาโครงข่ายการคมนาคมขนส่งระหว่างสองฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา เพื่อให้ประชาชนได้รับความสะดวกและลดระยะเวลาการเดินทาง สามารถรองรับการจราจรบริเวณโดยรอบอาคารรัฐสภาแห่งใหม่และศูนย์คมนาคมพหลโยธินได้อย่างมีประสิทธิภาพและเป็นประโยชน์ต่อประชาชนส่วนรวม โดยโครงการดังกล่าว แบ่งการก่อสร้างเป็น 5 ช่วง มีแนวเส้นทางเริ่มจากถนนเลียบทางรถไฟสายใต้ ข้ามถนนจรัญสนิทวงศ์ ข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา ผ่านแยกเกียกกาย ถนนทหาร แยกสะพานแดง ถนนประดิพัทธ์ ถนนกำแพงเพชร 5 ถนนกำแพงเพชร มายังถนนพหลโยธินบริเวณสวนจตุจักร
สำหรับรูปแบบการก่อสร้างโครงการดังกล่าว ได้ศึกษาความเหมาะสมและออกแบบรายละเอียดตามหลักวิศวกรรม เพื่อความปลอดภัยแก่ประชาชนผู้ใช้ทาง โดยแนวเส้นทางที่กำหนดได้พิจารณาความเหมาะสม รวมทั้งผลกระทบที่ประชาชนอาจจะได้รับอย่างรอบด้านแล้ว พบว่าเป็นแนวเส้นทางที่มีความเหมาะสมมากที่สุด อีกทั้งแนวเส้นทางดังกล่าวเป็นไปตามที่กำหนดในแผนผังแสดงโครงข่ายการคมนาคมและขนส่งท้ายกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมกรุงเทพมหานคร พ.ศ.2556 สาย จ.4 ซึ่ง กทม.จะต้องดำเนินการตามกฎกระทรวงดังกล่าว โดยการก่อสร้างจะต้องจัดกรรมสิทธิ์ที่ดินและสิ่งปลูกสร้างของเอกชนและขอใช้พื้นที่ของหน่วยงานทหารเพื่อการก่อสร้าง โดยปัจจุบันได้ดำเนินการจัดกรรมสิทธิ์ที่ดินเอกชนในฝั่งธนบุรีและจ่ายค่าเวนคืนแล้วบางส่วน สำหรับฝั่งพระนครได้จ่ายค่าชดเชยสิ่งปลูกสร้างให้หน่วยงานทหารตามแนวถนนทหารแล้ว มีพื้นที่พร้อมในการก่อสร้างบริเวณดังกล่าว โดยการจ่ายค่าทดแทนให้ผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการเวนคืนเป็นไปอย่างเป็นธรรมและตามหลักเกณฑ์ที่กำหนด
ส่วนกรณีข้อกังวลเรื่องผลกระทบต่อประชาชนที่อาศัยในชุมชนกำแพงเพชร 5 คณะผู้บริหาร กทม.ได้พิจารณาปรับรูปแบบโครงการฯ มาสิ้นสุดที่ถนนทหารในโครงการช่วงที่ 3 และให้ยกเลิกโครงการในช่วงที่ 4 ถนนประดิพัทธ์ ถนนกำแพงเพชร 5 และช่วงที่ 5 ถนนกำแพงเพชร ถนนพหลโยธิน บริเวณสวนจตุจักร ซึ่งจะทำให้ชุมชนกำแพงเพชร 5 ไม่ได้รับผลกระทบจากการเวนคืนและการปรับรูปแบบดังกล่าว เนื่องจากปัจจุบันมีระบบขนส่งมวลชนรองรับการเดินทางในพื้นที่สถานีกลางบางซื่อและมีโครงการปรับปรุงถนนหลายสาย เพื่อรองรับปริมาณการจราจรบริเวณโดยรอบสถานีกลางบางซื่อแล้ว ขณะที่กรณีการคัดค้านโครงการฯ จากผู้ออกแบบอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ คณะกรรมการโครงการก่อสร้างสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาบริเวณแยกเกียกกายที่แต่งตั้งโดยนายกรัฐมนตรี ได้ประชุมพิจารณาอย่างรอบด้านและมีมติเห็นชอบรูปแบบตามที่ กทม.เสนอ โดยปรับแนวสะพานด้านฝั่งธนบุรีไปชิดกับวัดฉัตรแก้วจงกลนี และฝั่งพระนครปรับแนวไปชิดกับวัดแก้วฟ้าจุฬามณี รวมทั้งปรับรูปแบบทางขึ้น – ลง โดยตัดทางขึ้นลงให้บริเวณพื้นที่รัฐสภาส่วนที่ติดกับโครงการสะพานเกียกกายมีช่องจราจรด้านล่างสะพานบริเวณชิดรัฐสภาเปิดโล่งและไม่ใช่พื้นที่ของรัฐสภา อย่างไรก็ตาม ขณะนี้การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์โครงการฯ อยู่ในขั้นตอนเสนอตราพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินที่จะเวนคืน เพื่อก่อสร้างโครงการฯ ซึ่งกระบวนการเพื่อออกกฎหมายดังกล่าวได้ดำเนินการครบถ้วนตามขั้นตอนของกฎหมายทั้งเรื่องการเผยแพร่ข้อมูล การจัดกระบวนการรับฟังความคิดเห็นของประชาชน เพื่อให้ประชาชนมีส่วนร่วมและให้ข้อเสนอแนะต่อโครงการฯ รวมทั้งได้ผ่านการตรวจสอบความถูกต้องจากคณะกรรมการกฤษฎีกาตามขั้นตอนของกฎหมายด้วยแล้ว ส่วนมาตรการการช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการเวนคืนจะเป็นไปตามขั้นตอนและวิธีการที่กฎหมายว่าด้วยการเวนคืนฯ บัญญัติไว้
นายประพาส เหลืองศิรินภา ผู้อำนวยการสำนักสิ่งแวดล้อม กทม. กล่าวกรณีข้อสังเกตถึงการจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) โครงการดังกล่าวว่า เนื่องจาก“สะพาน” ถือเป็น “ทางหลวง” ตามกฎหมายว่าด้วยทางหลวง อย่างไรก็ตาม โครงการประเภททางหลวง หรือถนนตามกฎหมายว่าด้วยทางหลวงที่ต้องจัดทำรายงาน EIA ตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ต้องเป็นทางหลวง หรือถนนที่ตัดผ่านพื้นที่ ดังนี้ 1) พื้นที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าและเขตห้ามล่าสัตว์ป่า ตามกฎหมายว่าด้วยการสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า 2) พื้นที่เขตอุทยานแห่งชาติ ตามกฎหมายว่าด้วยอุทยานแห่งชาติ 3) พื้นที่ที่คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบกำหนดให้เป็นพื้นที่ชั้นคุณภาพลุ่มน้ำชั้นที่ 2 4) พื้นที่ป่าชายเลนในเขตป่าสงวนแห่งชาติ 5) พื้นที่ชายฝั่งทะเลในระยะ 50 เมตร ห่างจากระดับน้ำทะเลขึ้นสูงสุดตามปกติทางธรรมชาติ 6) พื้นที่ที่อยู่ใน หรือใกล้พื้นที่ชุ่มน้ำที่มีความสำคัญระหว่างประเทศ หรือแหล่งมรดกโลกที่ขึ้นบัญชีแหล่งมรดกโลกตามอนุสัญญาระหว่างประเทศในระยะทาง 2 กิโลเมตร และ 7) พื้นที่ที่ตั้งอยู่ใกล้โบราณสถาน แหล่งโบราณคดี แหล่งประวัติศาสตร์ หรืออุทยานประวัติศาสตร์ตามกฎหมายว่าด้วยโบราณสถาน โบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ และพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ในระยะทาง 1 กิโลเมตร ยกเว้นถนนผังเมืองตามที่กำหนดไว้ในกฎหมายว่าด้วยการผังเมือง เมื่อพิจารณาจากหลักเกณฑ์ข้างต้น โครงการก่อสร้างสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาบริเวณแยกเกียกกายของ กทม.เป็นโครงการถนนตามแนวผังเมือง สาย จ 4 จึงไม่เข้าข่ายที่จะต้องศึกษาและจัดทำรายงาน EIA ในขั้นตอนการขออนุญาตก่อสร้าง
กทม.เดินหน้ามาตรการป้องกันฝุ่นละออง PM2.5 – เพิ่มความเข้มงวดแก้ไขปัญหาฝุ่นจากแหล่งกำเนิด
นายประพาส เหลืองศิรินภา ผู้อำนวยการสำนักสิ่งแวดล้อม กทม. กล่าวถึงการเตรียมความพร้อมรองรับสถานการณ์ฝุ่นละอองในช่วงวิกฤตว่า กรุงเทพมหานคร โดยสำนักสิ่งแวดล้อม ได้ประสานความร่วมมือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินมาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาฝุ่นละออง PM2.5 และเตรียมความพร้อมแผนปฏิบัติการแก้ไขปัญหาฝุ่นละออง PM2.5 ในพื้นที่กรุงเทพฯ ปี 2566 เพื่อรองรับสถานการณ์ฝุ่นละอองในช่วงวิกฤต โดยบูรณาการความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องขับเคลื่อนมาตรการควบคุมมลพิษจากแหล่งกำเนิดอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกันผู้บริหาร กทม.มีนโยบายป้องกันและแก้ไขปัญหาฝุ่นละออง PM2.5 เชิงรุกระดับพื้นที่ ตั้งแต่เดือน ต.ค.65 – มี.ค.66 โดยให้ตรวจสอบเพื่อควบคุมการเกิดฝุ่นละออง PM2.5 ที่แหล่งกำเนิดอย่างน้อย 2 ครั้ง/เดือน ได้แก่ สถานที่ก่อสร้าง แพลนท์ปูน บริษัท อู่ ท่าจอดรถขนส่ง สถานประกอบการ และโรงงาน เพื่อรองรับสถานการณ์ฝุ่นละอองที่มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นในช่วงฤดูหนาว ขณะเดียวกันได้ประสานสำนักงานเขตเพิ่มความเข้มงวดตรวจสอบพื้นที่ เพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองจากแหล่งกำเนิด อาทิ การเผาเศษวัสดุทางการเกษตรในพื้นที่เพาะปลูก การเผาในพื้นที่ และการเผาหญ้า เป็นต้น
นอกจากนั้น กทม.ได้แจ้งเตือนสถานการณ์ฝุ่นละอองให้ประชาชนรับทราบแบบเรียลไทม์ พร้อมรายงานข้อมูลและให้คำแนะนำประชาชนในการป้องกันตนเองจากฝุ่นละออง PM2.5 ผ่านช่องทางต่าง ๆ ได้แก่ เว็บไซต์ www.bangkokairquality.com www.pr-bangkok.com เฟซบุ๊ก : กรุงเทพมหานคร, กองจัดการคุณภาพอากาศและเสียง สำนักสิ่งแวดล้อม กทม.และสำนักสิ่งแวดล้อม กทม. และแอปพลิเคชัน : AirBKK รวมถึงจอแสดงผลบริเวณสถานีตรวจวัดคุณภาพอากาศ จอแสดงผลแบบเคลื่อนที่ และจอแสดงผลอัจฉริยะของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ หากพบค่าฝุ่นละออง PM2.5 เกินมาตรฐานต่อเนื่องจะเพิ่มความถี่การแจ้งเตือนค่าฝุ่นละออง PM2.5 เป็นวันละ 3 รอบเวลา คือ เวลา 07.00 น. 12.00 น. และ 15.00 น. เพื่อให้ประชาชนหลีกเลี่ยงและงดการทำกิจกรรม หรือออกกำลังกายกลางแจ้ง และให้ข้อแนะนำการปฏิบัติหากจำเป็นต้องออกไปกลางแจ้ง รวมทั้งรณรงค์ประชาสัมพันธ์ส่งเสริมความรู้ความเข้าใจและสร้างการมีส่วนร่วมของประชาชนทุกภาคส่วนในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมและลดกิจกรรมที่อาจก่อให้เกิดฝุ่นละอองอย่างต่อเนื่อง เช่น การตรวจสอบและบำรุงรักษารถยนต์ให้มีสภาพพร้อมใช้งาน ไม่ปล่อยมลพิษเกินมาตรฐานกำหนด ลดการเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัว ส่งเสริมการใช้ระบบขนส่งสาธารณะ รณรงค์ไม่ขับช่วยดับเครื่อง ตลอดจนรณรงค์สร้างความตระหนักรู้และเน้นย้ำข้อควรปฏิบัติและวิธีป้องกันตนเองจากฝุ่นละออง PM2.5 โดยเฉพาะในกลุ่มเสี่ยง เด็กเล็ก ผู้สูงอายุ และผู้ที่มีโรคประจำตัว เพื่อป้องกันผลกระทบทางสุขภาพ และประชาชนสามารถแจ้งเบาะแสแหล่งกำเนิดมลพิษทางอากาศผ่านแอปพลิเคชัน Traffy Fondue โดยสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ศูนย์ข้อมูลคุณภาพอากาศกรุงเทพมหานคร วันจันทร์-ศุกร์ โทร. 02-203-2954 และ 02-203-2951 ระหว่างเวลา 06.00-18.30 น. วันเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ โทร.085-806-7776 และ 086-364-4407 ตลอด 24 ชั่วโมง
นายธีรยุทธ ภูมิภักดิ์ ผู้อำนวยการสำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กทม. กล่าวว่า สำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ได้สั่งการให้สถานีดับเพลิงและกู้ภัย ออกปฏิบัติการดับเพลิงไหม้หญ้า หรือการเผาชีวมวลต่าง ๆ ให้เป็นไปด้วยความรวดเร็ว เพื่อลดจุดความร้อน ป้องกัน และควบคุมการเกิดไฟในทุกพื้นที่ของกรุงเทพฯ ประกอบกับในช่วงตั้งแต่เดือน ธ.ค.65 – พ.ค.66 เป็นช่วงเตรียมการป้องกันและแก้ไขปัญหาภัยแล้งในพื้นที่กรุงเทพฯ สำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยได้นำเสนอผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครพิจารณาลงนามในร่างประกาศ กทม.เรื่องมาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟไหม้หญ้าบริเวณพื้นที่รกร้างว่างเปล่าในเขตกรุงเทพฯ พร้อมทั้งได้แจ้งให้ผู้อำนวยการเขตในฐานะเจ้าพนักงานท้องถิ่นตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) รักษาความสะอาดและความเป็นระเบียบเรียบร้อยของบ้านเมือง พ.ศ.2535 และในฐานะผู้ช่วยผู้อำนวยการกรุงเทพมหานคร ตาม พ.ร.บ.ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย พ.ศ.2550 แจ้งให้เจ้าของ หรือผู้ครอบครองที่ดินและประชาชนทราบและปฏิบัติ ดังนี้ (1) ขอให้ปรับปรุงไม่ให้ต้นไม้ หรือธัญพืชที่ปลูกไว้ หรือที่ขึ้นเองเหี่ยวแห้ง หรือมีสภาพรกรุงรัง หรือทิ้งสิ่งปฏิกูล หรือมูลฝอยในบริเวณที่ดินของตน (2) งดการเผาซากวัชพืชหลังการเก็บเกี่ยวพืชผลทางการเกษตร (3) งดการเผาขยะมูลฝอย การเผาหญ้า เศษกระดาษในชุมชนและบริเวณริมถนนสองข้างทาง ซึ่งอาจทำให้เกิดอุบัติเหตุทางถนน เนื่องจากกลุ่มควันจากการเผาไหม้บดบังทัศนวิสัยในการขับขี่ยานพาหนะ (4) จัดทำรั้วกั้นรอบพื้นที่ของตนเอง เพื่อป้องกันมิให้ผู้อื่นนำขยะมาทิ้ง และขอให้กำจัดวัชพืชในพื้นที่ที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดไฟไหม้หญ้า รวมทั้งให้ทุกสำนักงานเขตตรวจสอบปรับปรุงข้อมูลพื้นที่รกร้างว่างเปล่าที่เสี่ยงต่อการเกิดเพลิงไหม้ และประสานสถานีตำรวจนครบาล (สน.) ท้องที่ กวดขันจับกุมผู้ที่กระทำการเผาหญ้าและลุกลามสร้างความเสียหายต่อทรัพย์สินของประชาชน เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย อันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 220 มีโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี และปรับไม่เกิน 140,000 บาท หรืออาจเข้าข่ายเป็นความผิดตามมาตราอื่น ๆ ซึ่งมีโทษหนักกว่า หากประชาชนพบเหตุไฟไหม้หญ้า กองขยะ หรือเหตุสาธารณภัยอื่น ๆ สามารถแจ้งเหตุผ่านสายด่วน 199 ตลอด 24 ชั่วโมง