(19 ก.ค.66) นายวิรัตน์ มีนชัยนันท์ ประธานสภากรุงเทพมหานคร เป็นประธานการประชุมสภากรุงเทพมหานครสมัยประชุมสามัญ สมัยที่สาม (ครั้งที่ 3) ประจำปีพุทธศักราช 2566 โดยมี สมาชิกสภากรุงเทพมหานคร นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร คณะผู้บริหาร หัวหน้าหน่วยงานกรุงเทพมหานคร ร่วมประชุม ณ ห้องประชุมสภากรุงเทพมหานคร อาคารไอราวัตพัฒนา ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร ดินแดง
ในวันนี้ นายสุรจิตร พงษ์สิงห์วิทยา ส.ก. เขตลาดกระบัง เสนอญัตติขอให้สภากรุงเทพมหานครตั้งคณะกรรมการวิสามัญศึกษาการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมขังและการระบายน้ำในพื้นที่เสี่ยง พื้นที่เฝ้าระวังและพื้นที่ชายขอบของกรุงเทพมหานคร เนื่องจาก ปัญหาน้ำท่วมขังในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ทำให้เกิดความเสียหายต่อทรัพย์สิน สร้างความลำบากในการใช้ชีวิตประจำวันและการสัญจรในเมืองของประชาชน การศึกษาองค์ความรู้การป้องกันและแก้ไขปัญหาน้ำท่วมขังและการระบายน้ำ รวมทั้งการเตรียมการและความพร้อมในการป้องกันปัญหาน้ำท่วมขังและการระบายน้ำ ในพื้นที่เสี่ยง พื้นที่เฝ้าระวัง และพื้นที่ชายขอบของกรุงเทพมหานคร เช่น การลอกท่อระบายน้ำ การลอกคูคลอง การเก็บผักตบชวาในคลอง การติดตั้งเครื่องสูบน้ำในสถานีสูบน้ำ ให้ขีดความสามารถเพิ่มขึ้น การระบายน้ำผ่านทางอุโมงค์ระบายน้ำ ออกสู่แม่น้ำเจ้าพระยา ฯลฯ เพื่อให้คนในสังคมรับรู้ และช่วยกันป้องกันแก้ไขปัญหาได้อย่างถูกต้อง ลดความรุนแรงของน้ำท่วมขังในเมืองลง หรือการเตรียมรับมือเมื่อเกิดเหตุน้ำท่วมขังในพื้นที่อยู่อาศัย ทั้งยังสามารถนำงบประมาณมาดำเนินการแก้ไข ปัญหาน้ำท่วมขังและการระบายน้ำของกรุงเทพมหานคร อย่างเหมาะสมตามความจำเป็นเร่งด่วน เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพและเกิดประโยชน์มากที่สุดอีกด้วย อีกทั้งการบริหารจัดการน้ำผ่านคลองระบายน้ำในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ยังมีหลายเขตที่ไม่เคยมีการศึกษาแผนผังระบบท่อระบายน้ำ จึงขอให้สภากรุงเทพมหานคร ตั้งคณะกรรมการวิสามัญฯ ดังกล่าว
นายณรงค์ รัศมี ส.ก.เขตหนองจอก กล่าวสนับสนุนญัตติดังกล่าวว่า เรื่องน้ำท่วมเป็นเรื่องที่มีการพูดกันมายาวนาน น้ำก็ท่วมทุกปี เพราะฉะนั้นหากเราสนใจเกี่ยวกับเรื่องน้ำท่วมก็ต้องมีการเก็บสถิติเรื่องน้ำท่วมแต่ละพื้นที่ แต่ในขณะเดียวกันอยากให้กรุงเทพมหานครสำรวจให้ชัดเจน ยกตัวอย่างคลองแสนแสบมีเขื่อนกั้นน้ำมาโดยตลอด แต่จากมีนบุรีไปถึงหนองจอกไม่มีเขี่อนกั้นน้ำริมคลองแสนแสบ ทำให้เป็นพื้นที่ฟันหลอ ดังนั้นเมื่อระบายน้ำจากกรุงเทพมหานครออกทางคลองแสนแสบนั้นทำไม่ได้ ฉะนั้นถ้าเราอยากแก้ปัญหาอย่างสมบูรณ์แบบ อยากเสนอให้ทางกรุงเทพมหานครมีเขื่อนกั้นน้ำจากมีนบุรีไปถึงหนองจอก เพื่อที่จะสามารถระบายน้ำออกได้ อีกส่วนหนึ่งคือ ซอยหรือถนนที่มีน้ำท่วมขังเป็นประจำ วิธีการแก้ปัญหาคือเมื่อเกิดน้ำท่วมขังการก็นำเครื่องสูบน้ำไปสูบน้ำออก แต่ถ้าหากเครื่องสูบน้ำใช้การไม่ได้ประชาชนจะได้รับผลกระทบอย่างแน่นอน ดังนั้นจึงขอสนับสนุนญัตตินี้เพื่อศึกษาให้เต็มความสามารถของกรุงเทพมหานคร
นางสาวมธุรส เบนท์ ส.ก.เขตสะพานสูง กล่าวสนับสนุนญัตติดังกล่าวว่า จะเห็นว่าปีที่แล้วมีปัญหาเรื่องน้ำท่วม เนื่องจากเขตลาดกระบังก็มีพื้นที่ติดกับเขตสะพานสูง เป็นฝั่งตะวันออกที่ต้องรับน้ำ การตั้งคณะกรรมการวิสามัญฯ ในครั้งนี้จะทำให้เราได้ศึกษาแนวทางการป้องกันน้ำท่วม การลอกท่อระบายน้ำ การลอกคูคลอง ไม่อยากให้ประชาชนต้องเดือดร้อนก่อนแล้วเราจึงไปแก้ปัญหา หากแก้ปัญหาตรงนี้ได้จะทำให้ประหยัดงบประมาณของกรุงเทพมหานครได้มาก ทั้งการเยียวยาและโรคระบาด รวมถึงทรัพย์สินที่เสียหายของประชาชน
ด้านนางสาวนฤนันมนต์ ห่วงทรัพย์ ส.ก.เขตคลองสามวา กล่าวเพิ่มเติมสนับสนุนญัตตินี้ว่า ในฐานะฝั่งตะวันออก และถือเป็นชายขอบของกรุงเทพมหานคร พบเจอปัญหาเรื่องน้ำท่วมเสมอเพราะคลองสามวาก็เป็นเขตที่รับน้ำโดยตรงจากปทุมธานี และเป็นเขตที่ไม่ได้มีท่อระบายน้ำเยอะ และเหลืออีกครึ่งหนึ่งของพื้นที่ที่ยังไม่มีท่อระบาย เนื่องจากเป็นพื้นที่รับน้ำแต่ถึงจะเป็นพื้นที่รับน้ำก็ควรมีการวางแผน เช่น การทำถนนที่มีท่อระบายน้ำ เป็นต้น และการศึกษาครั้งนี้ไม่ใช่เพียงแค่การศึกษาเพื่อแก้ปัญหาแต่ศึกษาเพื่อการพัฒนากรุงเทพชั้นนอกให้รองรับการอยู่อาศัยและความปลอดภัยของประชาชน ป้องกันปัญหาน้ำท่วมในอนาคต
สมาชิกสภากรุงเทพมหานครได้ร่วมอภิปรายเพื่อสนับสนุนญัตตินี้ ในประเด็นการศึกษาการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมขังและการระบายน้ำในพื้นที่เสี่ยงอย่างยั่งยืน ประกอบด้วย นายตกานต์ สุนนทวุฒิ ส.ก.เขตหลักสี่ และนางอนงค์ เพชรทัต ส.ก.เขตดินแดง
นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องที่สำคัญ เนื่องจากเรื่องน้ำท่วมเป็นปัญหาใหญ่ของกรุงเทพมหานคร และมีผลในเรื่องการกำหนดงบประมาณโครงการต่างๆ หากเรามีคณะกรรมการวิสามัญ ศึกษาการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมขังและการระบายน้ำนี้ จะทำให้สภากรุงเทพมหานครและฝ่ายบริหาร เข้าใจเรื่องเทคนิค และการระบายน้ำตรงกัน จะสามารถจัดลำดับความสำคัญได้เป็นอย่างดี เช่น การทำถนนในเขตตะวันออก ว่าควรมีท่อระบายน้ำหรือไม่ หากมีข้อสรุปที่ชัดเจน เชื่อว่าจะทำให้การ จัดทำงบประมาณ มีความชัดเจนมากขึ้น ในส่วนการศึกษาเรื่องการป้องกันน้ำท่วมในเขตตะวันออก ได้มีการบรรจุโครงการศึกษาไว้ใน งบประมาณ 2567 แล้ว และคณะกรรมการวิสามัญชุดนี้ อาจช่วยในเรื่องการกำกับดูแลการศึกษานี้ด้วย
ที่ประชุมสภากรุงเทพมหานคร มีมติตั้งคณะกรรมการวิสามัญฯ จำนวน 17 ท่าน กำหนดระยะเวลาการพิจารณา 90 วัน
——————-