กทม.เตรียมพร้อมรองรับสถานการณ์โควิด 19 เน้นย้ำฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้น – ป้องกันสุขอนามัยส่วนบุคคล
นายสุนทร สุนทรชาติ ผู้อำนวยการสำนักอนามัย (สนอ.) กทม. กล่าวถึงการเตรียมพร้อมมาตรการรองรับผู้ติดเชื้อโควิด 19 ในพื้นที่กรุงเทพฯ ว่า สถานการณ์ผู้ป่วยโควิด 19 ในกรุงเทพฯ ข้อมูลจากระบบ API และ EPINET ในสัปดาห์ที่ 21 (ระหว่างวันที่ 21 – 26 พ.ค.66) มีผู้ป่วยจำนวน 12,325 คน เฉลี่ยจำนวนผู้ป่วย 1,761 ราย/วัน เสียชีวิตเพิ่ม 25 ราย โดยร้อยละ 90 รักษาแบบผู้ป่วยนอก (OPD) และร้อยละ 10 รักษาแบบผู้ป่วยใน (IPD) ซึ่งเป็นไปตามคาดการณ์ว่า ภายหลังโรงเรียนเปิดภาคเรียนและเข้าสู่ฤดูฝน จะมีผู้ป่วยเพิ่มเติมขึ้นเหมือนไข้หวัดตามฤดูกาล
ทั้งนี้ กรุงเทพมหานครได้เตรียมยา เวชภัณฑ์สำรอง และบุคลากรทางการแพทย์ให้เพียงพอต่อการรักษาผู้ป่วย และส่งต่อประชาชนให้เข้ารับการรักษาตามสิทธิ พร้อมทั้งส่งเสริมความรู้ สร้างความเข้าใจและกระตุ้นเตือนประชาชนโดยเฉพาะผู้ที่ไม่เคยได้รับวัคซีนโควิด 19 หรือได้รับวัคซีนไม่ครบโดสให้เข้ารับบริการฉีดวัคซีนโควิด 19 ให้ครบโดส รวมถึงผู้ที่รับวัคซีนโควิด 19 เข็มสุดท้ายนานกว่า 3 เดือน ให้เข้ารับเข็มกระตุ้นตามเวลาที่กำหนด เพื่อกระตุ้นภูมิคุ้มกันให้ปลอดภัยจากโรคโควิด 19 โดยเปิดจุดบริการการฉีดวัคซีนที่ศูนย์บริการสาธารณสุข กทม.ทั้ง 69 แห่ง และเปิดจุดฉีดวัคซีนบริเวณห้างสรรพสินค้าเพิ่มเติมอีกหลายแห่ง เพื่อให้ง่ายต่อการเข้าถึงวัคซีน นอกจากนั้น ยังได้เน้นย้ำและกระตุ้นเตือนให้ประชาชนปฏิบัติตามมาตรการป้องกันสุขอนามัยส่วนบุคคลอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการสวมหน้ากากอนามัยอย่างถูกต้องเมื่ออยู่ในที่สาธารณะ หรือเข้าร่วมกิจกรรมต่าง ๆ หมั่นล้างมือด้วยสบู่และน้ำ หรือเจลแอลกอฮอล์ เพื่อลดโอกาสเสี่ยงการติดเชื้อโควิด 19
กทม.ประสานตำรวจกวดขันวินัยจราจร เพิ่มความปลอดภัยการใช้ทางม้าลาย
นายไทภัทร ธนสมบัติกุล ผู้อำนวยการสำนักการจราจรและขนส่ง (สจส.) กทม. กล่าวถึงการแก้ไขปัญหารถจักรยานยนต์กลับรถบนทางม้าลายถนนจรัญสนิทวงศ์ ซอย 5 เพื่อป้องกันอันตรายให้ผู้ใช้ทางข้ามว่า สจส.ได้ปรับปรุงเกาะกลางทางข้าม (ทางม้าลาย) บริเวณดังกล่าวให้มีระดับพื้นเสมอถนน เพื่อให้ผู้พิการที่ใช้รถวีลแชร์สามารถใช้ทางข้ามได้อย่างสะดวกปลอดภัย แต่กลับมีผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ที่มีพฤติกรรมมักง่ายใช้ทางข้าม เป็นที่กลับรถ ซึ่งเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายและอาจก่อให้เกิดอุบัติเหตุร้ายแรง ส่งผลให้เกิดความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน สจส.จึงได้ประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรและเจ้าหน้าที่เทศกิจให้กวดขันวินัยจราจร ขณะเดียวกันได้ร่วมกับภาคีเครือข่ายความปลอดภัยทางถนน (ศปถ.) รณรงค์ประชาสัมพันธ์ให้ใช้ทางข้ามอย่างปลอดภัย
นอกจากนั้น สจส.ยังได้เร่งปรับปรุงกายภาพ ติดตั้งเซนเซอร์ สัญญาณไฟกะพริบเตือน เพิ่มความปลอดภัยให้ทางข้ามมากขึ้น รวมทั้งติดตั้งกล้องโทรทัศน์วงจรปิด (CCTV) ตรวจจับป้ายทะเบียนรถผู้ฝ่าผืนไม่จอดรถให้คนเดินข้ามถนนบริเวณทางข้าม เพื่อออกใบสั่งปรับผู้กระทำผิดในอัตราโทษสูงสุดต่อไป
กทม.เตรียมดำเนินคดีผู้ค้าตั้งวางสิ่งของในที่สาธารณะ กำชับเทศกิจเข้มงวดตรวจตราพื้นที่
นายศุภกฤต บุญขันธ์ ผู้อำนวยการสำนักเทศกิจ (สนท.) กทม. กล่าวกรณีมีผู้โพสต์ข้อความปล่อยให้เช่าที่ค้าขายบริเวณถนนสุขุมวิท ซอย 3 เขตวัฒนา ทั้งที่บริเวณดังกล่าวเป็นทางเท้าถือเป็นพื้นที่สาธารณะว่า สนท.ได้ตรวจสอบบริเวณดังกล่าวพบว่า ผู้ค้าไม่ได้ค้าขายมานานแล้ว แต่ยังเก็บสิ่งของไว้ เจ้าหน้าที่สำนักงานเขตวัฒนาได้ทำความสะอาดและจัดเก็บขนย้ายสิ่งของออกจากพื้นที่เรียบร้อยแล้ว และจะดำเนินคดีกับเจ้าของที่ตั้งวางสิ่งของไว้ในที่สาธารณะ รวมทั้งประชาสัมพันธ์สร้างความเข้าใจให้ได้รับทราบว่า พื้นที่สาธารณะไม่สามารถให้บุคคลใดเช่า หรือทำการใด เพื่อประโยชน์ส่วนตนได้โดยไม่ได้รับอนุญาตจากทางราชการ ส่วนการตั้งข้อสังเกตทางเท้าในกรุงเทพฯ หลายแห่ง เช่น พื้นที่ถนนบรรทัดทอง ถนนพญาไท ถนนเพชรบุรีตัดใหม่ ย่านประตูน้ำ เต็มไปด้วยผู้ค้า สนท.ได้ตรวจสอบพร้อมจัดระเบียบผู้ค้าและผู้ประกอบการอย่างต่อเนื่อง และจะเข้มงวดกวดขันไม่ให้มีการฝ่าฝืนต่อไป
ทั้งนี้ กรุงเทพมหานครได้ให้ความสำคัญกับการจัดระเบียบเมืองให้มีความเป็นระเบียบเรียบร้อยและความปลอดภัยของประชาชนที่เดินทางทั้งบนผิวจราจรและทางเท้าสาธารณะ โดยเฉพาะการทำการค้าขายหาบเร่แผงลอยในทางเท้าสาธารณะ ได้จัดเจ้าหน้าที่เทศกิจตรวจตรา กวดขัน ไม่ให้มีการฝ่าฝืนขาย หรือจำหน่ายสินค้าในที่ หรือทางสาธารณะ เว้นแต่ในบริเวณ หรือพื้นที่ที่ได้รับอนุญาตจะต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์ และเงื่อนไขการกำหนดอย่างเคร่งครัด หากผู้ค้ารายใดฝ่าฝืนทำการค้าขายในที่ทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาตต้องถูกดำเนินคดีตาม พ.ร.บ.รักษาความสะอาดและความเป็นระเบียบเรียบร้อยของบ้านเมือง พ.ศ.2535 มีโทษปรับไม่เกิน 2,000 บาท นอกจากนี้ ยังได้ประชุมซักซ้อมชี้แจงเจ้าหน้าที่เทศกิจทุกสำนักงานเขตให้เข้มงวดกวดขัน ตรวจตราพื้นที่ในความรับผิดชอบเป็นประจำสม่ำเสมอ โดยให้ยึดถือปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบ และหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด
เขตห้วยขวางกำชับผู้รับจ้างเร่งก่อสร้างท่อระบายน้ำบริเวณหมู่บ้านวัฒนานิเวศน์ ซอย 7
นายไพฑูรย์ งามมุข ผู้อำนวยการเขตห้วยขวาง กทม. กล่าวกรณีผู้พักอาศัยในหมู่บ้านวัฒนานิเวศน์ ซอย 7 เขตห้วยขวาง ได้รับความเดือดร้อนจากการก่อสร้างท่อระบายน้ำล่าช้าและไฟฟ้าส่องสว่างชำรุดว่า สำนักงานเขตฯ ได้ติดตั้งเครื่องสูบน้ำประจำพื้นที่บริเวณหน้าหมู่บ้านวัฒนานิเวศน์ ซอย 7 แขวงสามเสนนอก เขตห้วยขวาง เรียบร้อยแล้ว แต่เนื่องจากเข้าสู่ฤดูฝนจึงย้ายจุดติดตั้งใหม่ เป็นบริเวณร้านเสริมสวย ซึ่งชาวบ้านยินยอมให้ติดตั้ง ส่วนจุดเดิมชาวบ้านไม่ยินยอมให้ติดตั้งเนื่องจากกีดขวางจราจรและเสียงดัง ซึ่งการติดตั้งเครื่องสูบน้ำถาวรที่หมู่บ้านวัฒนานิเวศน์ ซอย 7 มีความจำเป็นเนื่องจากหมู่บ้านมีระดับต่ำกว่าถนนหลักเมื่อฝนตกต้องเร่งระบายน้ำในหมู่บ้านโดยเร็ว เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาน้ำท่วมขังในหมู่บ้าน สำหรับการก่อสร้างท่อระบายน้ำขนาดใหญ่ เพื่อระบายน้ำออกจากหมู่บ้านทางฝั่งสำนักพิมพ์สยามกีฬา เริ่มดำเนินการตั้งแต่ต้นเดือน พ.ค.66 ปัจจุบันดำเนินการได้ร้อยละ 20 ซึ่งสำนักงานเขตฯ ได้มีหนังสือเร่งรัดผู้รับจ้างดำเนินการให้แล้วเสร็จโดยเร็ว โดยได้เร่งปรับปรุงยกฝาขอบบ่อ เพื่อเปิดผิวการจราจรให้สัญจรได้ พร้อมทั้งทำเครื่องหมายจราจร ป้ายเตือน สัญลักษณ์ความปลอดภัย และปิดกลบจุดอันตรายที่อาจก่อให้เกิดอุบัติเหตุ
ส่วนการแก้ปัญหาไฟฟ้าส่องสว่างดับชำรุด สำนักงานเขตฯ ได้ประสานการไฟฟ้านครหลวง เขตสามเสน เพื่อขอความร่วมมือสำรวจและประมาณราคาค่าใช้จ่ายการซ่อมแซมไฟฟ้าส่องสว่างชำรุด ปัจจุบันอยู่ระหว่างดำเนินการจ้างเหมา เพื่อซ่อมเเซมไฟฟ้าชำรุดดังกล่าวต่อไป