“สังคมไทยเป็นสังคมที่ก้าวหน้า แต่กฎหมายบางเรื่องยังล้าหลัง จึงจำเป็นต้องช่วยกันผลักดันให้กฎหมายก้าวทันสังคม ซึ่งกรุงเทพมหานครพร้อมให้การสนับสนุนทุกเรื่อง โดยมีวิสัยทัศน์ที่ต้องการให้กรุงเทพฯ เป็นเมืองที่น่าอยู่สำหรับทุกคน” นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวเปิดงานในเวทีเสวนา “จากสมรสเท่าเทียมสู่การยอมรับตัวตน: เสวนาว่าด้วยอนาคตสิทธิความหลากหลายทางเพศไทย” ซึ่งจัดโดยมูลนิธิเครือข่ายเพื่อนกะเทยเพื่อสิทธิมนุษยชน ณ ห้องอเนกประสงค์ หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร เขตปทุมวัน วันนี้ (19 พ.ย. 68)

ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ได้กล่าวถึงประเด็นความหลากหลายทางเพศว่า เรื่องความเปิดกว้างทางสังคมถือเป็นจุดแข็งของสังคมไทย ซึ่งเป็นสังคมที่โอบกอดความแตกต่างหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเพศ ศาสนา หรือความคิดเห็นต่าง ๆ ทำให้คนรู้สึกปลอดภัยเมื่ออยู่ในประเทศไทยรวมถึงกรุงเทพมหานคร อย่างไรก็ตาม แม้กฎหมายสมรสเท่าเทียมจะผ่านแล้ว แต่การบรรลุเป้าหมายดังกล่าวนั้น เป็นแค่ก้าวแรก ไม่ใช่ก้าวสุดท้าย คือเป็นเพียงจุดเริ่มต้น ซึ่งยังมีประเด็นและรายละเอียดทางกฎหมายอีกหลายเรื่องที่ต้องผลักดันต่อไป อาทิ การยกเลิกกฎหมายปราบปรามการค้าประเวณี การคุ้มครองผู้ถูกกระทำด้วยความรุนแรงในครอบครัวสำหรับประชาชนทุกคน และปัญหาของข้าราชการที่มีอัตลักษณ์ทางเพศไม่ตรงกับเพศกำเนิดซึ่งยังไม่สามารถถ่ายบัตรประจำตัวราชการในเครื่องแบบที่ต้องการได้ เนื่องจากกฎหมายบางฉบับยังกำหนดให้แต่งกายตามเพศกำเนิด

ด้าน แพทย์หญิงนภัสชล ฐานะสิทธิ์ รองผู้อำนวยการสำนักอนามัย กรุงเทพมหานคร ได้กล่าวปาฐกถาพิเศษถึงการดำเนินงานของ กทม. เพื่อให้เป็นเมืองที่ปลอดภัยและเป็นมิตรต่อความหลากหลายทางเพศ ตามวิสัยทัศน์ของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร อาทิ การสร้างพื้นที่ปลอดภัยในโรงเรียนนำร่อง การสนับสนุนกิจกรรมต่าง ๆ เช่น Pride Month การสร้างโอกาสการจ้างงานโดยไม่มีการเลือกปฏิบัติต่อบุคลากรที่มีความหลากหลายทางเพศ การสนับสนุนการจดทะเบียนสมรสเท่าเทียมซึ่งมีผู้มาใช้บริการแล้วกว่า 2,000 คู่ และการให้บริการด้านสุขภาพ ที่สำคัญคือ การจัดตั้ง Pride Clinic ซึ่งปัจจุบันมี 31 แห่ง ได้แก่ โรงพยาบาลสังกัดกรุงเทพมหานคร 11 แห่ง และศูนย์บริการสาธารณสุขอีก 20 แห่ง โดยให้บริการดูแลสุขภาพแบบบูรณาการทั้งสุขภาพกายและสุขภาพจิต มีการคัดกรองภาวะเครียด ภาวะซึมเศร้า หรือปัญหาความทุกข์ใจในเรื่องเพศ การให้คำปรึกษาด้านฮอร์โมน การตรวจระดับฮอร์โมน และการรับฮอร์โมนในราคาที่เป็นมิตร บริการตรวจคัดกรองและรักษาโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ให้คำปรึกษาหรือการส่งต่อไปยังโรงพยาบาลสำหรับผู้ที่ต้องการบริการด้านศัลยกรรม และเพื่อเป็นการเคารพอัตลักษณ์ทางเพศ Pride Clinic ยังสนับสนุนให้มีการใช้คำว่า “คุณ” แทนคำนำหน้าชื่อในการให้บริการ

สำหรับเวทีเสวนา “จากสมรสเท่าเทียมสู่การยอมรับตัวตน: เสวนาว่าด้วยอนาคตสิทธิความหลากหลายทางเพศไทย” ครั้งนี้ จัดขึ้นโดยมีสาระสำคัญในการรำลึกถึงวัน Transgender Day of Remembrance (TDOR) ซึ่งเป็นวันที่รำลึกถึงการฆ่าสังหารบุคคลข้ามเพศทั่วโลก เพื่อเพิ่มความเข้าใจและความตระหนักรู้ในสังคม อันจะนำไปสู่การเรียนรู้บทเรียน การป้องกัน และการจับตาดูสังคมเพื่อยุติความเกลียดชัง อคติ และการเลือกปฏิบัติที่นำไปสู่ความรุนแรงต่อบุคคลที่มีความหลากหลายทางเพศ

โดยกิจกรรมช่วงเช้า มีการกล่าวต้อนรับ โดย ผศ.ดร.รณภูมิ สามัคคีคารมย์ ประธานมูลนิธิเครือข่ายเพื่อนกะเทยเพื่อสิทธิมนุษยชน การกล่าวเปิดโดยผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร การกล่าวปาฐกถาพิเศษ โดย คุณ Liam Kirkpatrick, Second Secretary Embassy of Canada to Thailand คุณสุภาณี พงษ์เรืองพันธุ์ ที่ปรึกษาด้านความเท่าเทียมทางเพศ และการมีส่วนร่วมทางสังคม โครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ ประจำประเทศไทย (UNDP Thailand) และแพทย์หญิงนภัสชล ฐานะสิทธิ์ รองผู้อำนวยการสำนักอนามัย กรุงเทพมหานคร จากนั้นเป็นการเสวนาหัวข้อ “จากสมรสเท่าเทียมสู่การยอมรับตัวตน: เสวนาว่าด้วยอนาคตสิทธิความหลากหลายทางเพศไทย” โดยคุณกัณฑธิดา อุปวรรณ นักพัฒนาสังคมชำนาญการพิเศษ กรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว คุณบัณฑิต นามเครือ ผู้อำนวยการส่วนสัญชาติและการทะเบียนและบัตรประจำตัวบุคคลผู้ไม่มีสัญชาติไทย ผศ.ดร.อารยา บัวบาล นักวิชาการ คุณวรพงศ์ พานิชกุล และคุณอาริยา มิลินธนาภา ผู้แทนจากภาคประชาชน

ส่วนในช่วงบ่าย จะมีการพูดคุยเกี่ยวกับ “สิทธิในการแสดงเจตจำนงกับสุขภาวะคนข้ามเพศ” โดยคุณรตี แต้สมบัติ ผู้อำนวยการมูลนิธิเครือข่ายเพื่อนกะเทยเพื่อสิทธิมนุษยชน การจุดเทียนเพื่อรำลึกให้กับบุคคลข้ามเพศที่ถูกสังหารด้วยความเกลียดชัง เนื่องในวัน TDOR และกิจกรรมเยียวยา เสริมพลัง และวางแผนดูแลล่วงหน้า โดยนักกิจกรรมคนข้ามเพศ
—————————