(5 พ.ย. 68) นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร พร้อมด้วย รศ.ทวิดา กมลเวชช รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เข้าร่วมการประชุมหารือข้อราชการสำหรับการติดตามผลดำเนินการตามนโยบายป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด โดยมี นายโสภณ ซารัมย์ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุม 

รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ปัญหายาเสพติดเป็นเรื่องสำคัญที่สุด เนื่องจากส่งผลกระทบต่อภาพรวมทั้งหมดของประเทศ ตั้งแต่คุณภาพชีวิตของประชาชน ปัญหาอาชญากรรม การรักษาพยาบาล และผลกระทบต่อเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ หากผู้เสพยาต้องเข้าคุก รัฐก็ต้องเลี้ยงดู หรือหากป่วยก็ต้องรักษา ซึ่งหากไม่มีการแก้ไขปัญหานี้อย่างเร่งด่วน ในอนาคต สังคมจะยากต่อการฟื้นฟู โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการสร้างเยาวชนของชาติให้กลับมาเข้มแข็งและมีคุณภาพ ในวันนี้จึงได้เรียนเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาทำความเข้าใจร่วมกันและหาแนวทางแก้ไขปัญหานี้ให้หมดสิ้นไป

สำหรับการหารือข้อราชการวันนี้ ที่ประชุมได้ติดตามและรายงานความคืบหน้าผลดำเนินการตามนโยบายขับเคลื่อนการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด ตามโครงการ “รวมพลัง รักศรัทธา แก้ไขปัญหายาเสพติดแบบบูรณาการ Quick Big Win: ขับเคลื่อนอย่างรวดเร็ว สู่เป้าหมายอันยิ่งใหญ่” อาทิ กลยุทธ์หลักในการขับเคลื่อนคือการใช้ข้อมูลที่แท้จริงเพื่อให้การแก้ปัญหามีประสิทธิภาพ ตัวอย่างวิธีการที่ใช้ในการหาข้อมูลที่แท้จริงคือการจัดผ้าป่ายาเสพติด โดยให้ชาวบ้านเขียนชื่อคนที่ยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดลงในกระดาษแล้วหยอดลงในกล่องพร้อมกัน เพื่อให้ได้ตัวเลขและรายชื่อผู้ที่เกี่ยวข้อง การคัดแยกผู้ป่วยเป็น 5 สี (เขียว, เหลืองอ่อน, เหลือง, ส้ม, แดง) การเน้นการใช้วัดเป็นศูนย์บำบัดระยะสั้น รวมถึงการติดตามผลอย่างต่อเนื่อง ภายใน 6 เดือน ซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญ นอกจากนี้ยังกล่าวถึงการจัดทำงบประมาณบูรณาการ ปี 2570 เพื่อให้เกิดความร่วมมือระหว่างส่วนกลางและท้องถิ่นในการแก้ไขปัญหา ทั้งนี้ รองนายกรัฐมนตรีได้เน้นย้ำให้ท้องถิ่นทั่วประเทศเป็นเจ้าภาพหลัก ร่วมกับบุคลากรทางการแพทย์ ในการป้องกันและแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืน

ด้านผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ได้รายงานประเด็นความท้าทายในพื้นที่ ซึ่งกรุงเทพมหานครมีลักษณะเป็นชุมชนเมืองที่มีชุมชน 2,004 แห่ง มีผู้เช่าและผู้อยู่อาศัยแบบหมุนเวียนจำนวนมาก ทำให้ผู้ที่ถูกค้นพบว่าเกี่ยวข้องกับยาเสพติดหายตัวไปได้ง่าย และยากต่อการติดตามเพื่อเข้ารับการบำบัดอย่างต่อเนื่อง

ผู้ว่าฯ กทม. กล่าวว่า กทม. ได้ดำเนินการ X-ray ค้นหาผู้เกี่ยวข้องและนำข้อมูลขึ้นสู่แดชบอร์ด เพื่อใช้ในการบริหารจัดการ โดยหัวใจสำคัญของการแก้ไขปัญหาคือการบูรณาการข้อมูลร่วมกับหน่วยงานสาธารณสุขให้เข้มข้นขึ้น นอกจากนี้ ปัญหาสำคัญคือ การไม่สามารถสร้างอาชีพในระยะยาวได้หลังจากบำบัด ทำให้ผู้เสพ/ผู้ค้า กลับเข้าสู่วงจรเดิม ทั้งนี้ กทม. มีคณะกรรมการชุมชนเป็นกลไกหลักในการทำงาน และจะพัฒนาแพลตฟอร์ม Traffy Fondue เพื่อให้ประชาชนสามารถแจ้งข้อมูลยาเสพติดออนไลน์ได้โดยไม่ต้องเปิดเผยชื่อ เพื่อแก้ปัญหาความหวาดกลัวจากการถูกทำร้าย อย่างไรก็ตาม โครงสร้าง กทม. ต่างจากจังหวัดทั่วไป เพราะหน่วยงาน กทม. ไม่สามารถสั่งการข้ามหน่วยงานได้โดยตรง ทำได้เพียงขอความร่วมมือ

รองนายกรัฐมนตรี ได้กล่าวด้วยว่า ทราบว่าปัญหาในเขตเมืองของกรุงเทพมหานครมีความซับซ้อน จึงมอบหมายให้ กทม. หาพื้นที่นำร่องในชุมชนเมืองอย่างน้อยหนึ่งแห่ง เพื่อพัฒนาเป็นโมเดลการแก้ไขปัญหายาเสพติดในเขตเมือง โดยให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น ตำรวจ และกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน มาร่วมดำเนินการในรูปแบบบูรณาการ

ในการนี้ พญ.ดวงพร ปิณจีเสคิกุล ผู้อำนวยการสำนักอนามัย พญ.ดลจรัส ทิพย์มโนสิงห์ ผู้อำนวยการสำนักงานป้องกันและบำบัดการติดยาเสพติด สำนักอนามัย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมการประชุม ณ ห้องประชุม 301 ชั้น 3 ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล เขตดุสิต

—————————