(28 ก.พ. 68) เวลา 13.00 น. นายชาตรี วัฒนเขจร รองปลัดกรุงเทพมหานคร เป็นประธานการประชุมเตรียมความพร้อมในการจัดเก็บค่าธรรมเนียมอัตราใหม่ โดยมีคณะผู้บริหาร ข้าราชการ และเจ้าหน้าที่สำนักสิ่งแวดล้อม สำนักงานเขต 50 เขต ร่วมประชุม ณ ห้องออดิทอเรียม ชั้น 5 หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร เขตปทุมวัน และผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์
รองปลัดฯ ชาตรี กล่าวว่า ปัจจุบันกรุงเทพมหานครมีปริมาณขยะเฉลี่ย 9,500 ตันต่อวัน มีต้นทุนค่าใช้จ่ายในการเก็บขนและกำจัดขยะกว่า 7,000 ล้านบาทต่อปี ในขณะที่จัดเก็บค่าธรรมเนียมขยะได้เพียงปีละ 500 ล้านบาท หรือคิดเป็น 7% ของต้นทุนค่าใช้จ่าย ดังนั้น กรุงเทพมหานครจึงได้ตราข้อบัญญัติกรุงเทพมหานคร เรื่อง ค่าธรรมเนียมการให้บริการในการจัดการสิ่งปฏิกูลและมูลฝอยฉบับใหม่ เพื่อสร้างแรงจูงใจให้แหล่งกำเนิดขยะทุกกลุ่มมีการลดและคัดแยกขยะที่แหล่งกำเนิดและให้สอดคล้องกับสภาวะการณ์ปัจจุบัน ที่ผ่านมากรุงเทพมหานครใช้มาตรการขอความร่วมมือเพียงอย่างเดียว ซึ่งข้อบัญญัติค่าธรรมเนียมฉบับใหม่ได้นำมาตรการทางเศรษฐศาสตร์และมาตรการทางกฎหมาย มาช่วยผลักดันให้แหล่งกำเนิดมูลฝอยขนาดเล็ก เช่น บ้านพักอาศัย หมู่บ้านจัดสรร อาคารชุดพักอาศัย ชุมชน มีส่วนร่วมในการแยกขยะมากยิ่งขึ้น โดยการปรับอัตราค่าธรรมเนียมขยะในครั้งนี้ ถือว่าเป็นส่วนสำคัญในการสนับสนุนให้ประชาชนและทุกภาคส่วนร่วมมือกันในการแก้ไขปัญหาขยะอย่างยั่งยืน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการคัดแยกขยะ เป็นวิธีการที่มีประสิทธิภาพที่สุดในการลดปริมาณขยะ และการนำขยะที่คัดแยกแล้วมาเป็นทรัพยากรเพื่อใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ซึ่งสภากรุงเทพมหานคร ได้มีมติเห็นชอบร่างข้อบัญญัติกรุงเทพมหานคร เรื่อง ค่าธรรมเนียมการให้บริการในการจัดการสิ่งปฏิกูลหรือมูลฝอยตามกฎหมายว่าด้วยการสาธารณสุข พ.ศ. …. เมื่อวันที่ 29 มกราคม 2568 และข้อบัญญัติฯ นี้ จะมีผลบังคับใช้ภายหลังจากประกาศในราชกิจจานุเบกษา 180 วัน คาดว่าจะมีผลบังคับใช้ในเดือนตุลาคม 2568
รองปลัดฯ ชาตรี กล่าวต่อไปว่า การประชุมวันนี้เป็นการสร้างความเข้าใจให้กับหัวหน้าฝ่ายรักษาความสะอาดและสวนสาธารณะ พร้อมทั้งเจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบในการเป็นวิทยากรหลักในการรณรงค์ เผยแพร่ และประชาสัมพันธ์การจัดเก็บค่าธรรมเนียมอัตราใหม่แก่กลุ่มเป้าหมายต่าง ๆ ในพื้นที่เขต นับว่าเป็นก้าวสำคัญในการเตรียมความพร้อมของเจ้าหน้าที่ในการจัดเก็บค่าธรรมเนียมอัตราใหม่ ขอให้ใช้โอกาสนี้ในการเรียนรู้แลกเปลี่ยนความคิดเห็น สอบถามในประเด็นที่ห่วงกังวลให้มีความชัดเจน เกิดความเข้าใจอย่างถ่องแท้ เพื่อเป็นแนวทางในการนำไปสื่อสารและถ่ายทอดความรู้เกี่ยวกับข้อบัญญัติใหม่ให้ประชาชนทราบต่อไป
นอกจากนี้ นางสาววรนุช สวยค้าข้าว รองผู้อำนวยการสำนักสิ่งแวดล้อม ได้นำเสนอแนวทาง “การขับเคลื่อนนโยบาย สิ่งแวดล้อมดี บ้านนี้ไม่เทรวม” เพื่อสร้างความเข้าใจให้แก่เจ้าหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายให้เป็นวิทยากรหลักในการรณรงค์ เผยแพร่ และประชาสัมพันธ์การจัดเก็บค่าธรรมเนียมอัตราใหม่แก่กลุ่มเป้าหมายในพื้นที่ 50 สำนักงานเขต และผู้แทนสำนักสิ่งแวดล้อม ได้กล่าวถึงสาระสำคัญของข้อบัญญัติค่าธรรมเนียมขยะฉบับใหม่และแนวทางการลงทะเบียน โครงการบ้านนี้ไม่เทรวม : แยกขยะลดค่าธรรมเนียม ว่า การจัดเก็บค่าธรรมเนียมอัตราใหม่ตามข้อบัญญัติกรุงเทพมหานคร เรื่อง ค่าธรรมเนียมฯ (ฉบับใหม่) แบ่งการจัดเก็บเป็น 3 กลุ่ม ประกอบด้วย
กลุ่มที่ 1 บ้านพักอาศัยทั่วไป ที่มีปริมาณขยะไม่เกิน 20 ลิตรต่อวัน หรือไม่เกิน 4 กิโลกรัม หากไม่คัดแยกขยะจะจ่ายค่าธรรมเนียมรวม 60 บาท (ค่าเก็บและขนเดือนละ 30 บาท ค่ากำจัดเดือนละ 30 บาท) หากคัดแยกขยะและลงทะเบียนตามหลักเกณฑ์ที่กรุงเทพมหานครกำหนด จะจ่ายค่าธรรมเนียมเท่าเดิมที่เคยจ่าย คือ เดือนละ 20 บาท (ค่าเก็บและขนเดือนละ 10 บาท ค่ากำจัดเดือนละ 10 บาท)
กลุ่มที่ 2 ปริมาณขยะเกิน 20 ลิตรต่อวัน แต่ไม่เกิน 1 ลูกบาศก์เมตรต่อวัน หรือเกิน 4 กิโลกรัม แต่ไม่เกิน 200 กิโลกรัมต่อวัน จ่ายค่าธรรมเนียม 120 บาทต่อ 20 ลิตร (ค่าเก็บและขน 60 บาทต่อ 20 ลิตร ค่ากำจัด 60 บาทต่อ 20 ลิตร)
กลุ่มที่ 3 ปริมาณขยะเกิน 1 ลูกบาศก์เมตรต่อวันขึ้นไป หรือเกิน 1,000 ลิตร หรือเกิน 200 กิโลกรัมต่อวัน จ่ายค่าธรรมเนียม 8,000 บาทต่อ 1 ลูกบาศก์เมตร (ค่าเก็บและขน 3,250 บาทต่อ 1 ลูกบาศก์เมตร ค่ากำจัด 4,750 บาทต่อ 1 ลูกบาศก์เมตร)
ซึ่งกลุ่มที่ 2 และกลุ่มที่ 3 เมื่อมีการคัดแยกและนำขยะไปใช้ประโยชน์ จะส่งผลให้ปริมาณขยะที่กรุงเทพมหานครนำไปกำจัดลดลง ทำให้อัตราค่าธรรมเนียมฯ ที่ต้องจ่ายลดลงตามไปด้วย โดยประชาชนสามารถเข้าร่วมเครือข่ายสมาชิกโครงการ “บ้านนี้ไม่เทรวม : แยกขยะลดค่าธรรมเนียม” โดยการลงทะเบียนที่แบ่งเป็น 2 รูปแบบ คือ 1. การลงทะเบียนแบบเดี่ยว สำหรับบ้านพักอาศัยทั่วไปที่มีปริมาณขยะไม่เกิน 20 ลิตรต่อวัน หรือไม่เกิน 4 กิโลกรัม ผู้ที่ลงทะเบียนในกลุ่มนี้ ประกอบด้วย บ้านพักอาศัย บ้านจัดสรรและคอนโดมิเนียม แฟลต ที่ไม่มีนิติบุคคล โดยเจ้าของบ้านหรือผู้เช่าที่ประสงค์เข้าร่วมโครงการฯ ลงทะเบียนด้วยตนเองทางแอปพลิเคชัน หรือเว็บไซต์ BKK WASTE PAY กรณีไม่มีสมาร์ทโฟนสามารถลงทะเบียนกับเจ้าหน้าที่ที่จัดเก็บค่าธรรมเนียม หรือลงทะเบียนที่สำนักงานเขตที่บ้านเรือนตั้งอยู่ เริ่มลงทะเบียนล่วงหน้าตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป และระบบจะแจ้งเตือนให้ส่งภาพหลักฐานการคัดแยกขยะตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม 2568 เริ่มจัดเก็บค่าธรรมเนียมอัตราใหม่เมื่อข้อบัญญัติมีผลบังคับใช้ หลังจากประกาศในราชกิจจานุเบกษา 180 วัน สิ่งที่ต้องใช้ในการลงทะเบียน ประกอบด้วย รหัสประจำบ้าน (House ID) 11 หลัก ชื่อ-สุกล เบอร์โทรศัพท์ และภาพถ่ายขยะที่คัดแยก (ขยะเศษอาหาร ขยะรีไซเคิล ขยะอันตราย และขยะทั่วไป) สำหรับ 1 ปีแรก บ้านเรือนที่ลงทะเบียนจะได้รับถุงใส่ขยะเศษอาหาร ทั้งนี้ ระบบจะมีการสุ่มตรวจการคัดแยกขยะทุก ๆ 3 เดือน
- การลงทะเบียนแบบกลุ่ม สำหรับหมู่บ้านจัดสรร อาคารชุดพักอาศัย ที่มีนิติบุคคล และชุมชนตามระเบียบ กทม. ที่มีปริมาณขยะไม่เกิน 20 ลิตรต่อวันต่อหลังหรือต่อห้อง กลุ่มนี้จะเริ่มลงทะเบียนตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม 2568 และเริ่มจัดเก็บค่าธรรมเนียมอัตราใหม่เมื่อข้อบัญญัติมีผลบังคับใช้ หลังจากประกาศในราชกิจจานุเบกษา 180 วัน โดยสำนักงานเขตพื้นที่จะเชิญนิติบุคคลมาประชุมเพื่อแจ้งรายละเอียดและแนวทางการจัดที่พักรวมมูลฝอยที่คัดแยก 4 ประเภท รวมถึงขั้นตอนและวิธีการลงทะเบียน หลักฐานที่ต้องแนบ เช่น รายงานการประชุมลูกบ้านที่มีมติ รหัสประจำบ้าน (House ID) 11 หลัก ของบ้านทุกหลัง และหลักฐานการใช้ประโยชน์ขยะ
สำหรับแอปพลิเคชัน BKK WASTE PAY สามารถดาวน์โหลดได้แล้ววันนี้
IOS : https://apps.apple.com/th/app/bkk-waste-pay/id1574454798
Android : https://play.google.com/store/apps/details?id=com.wingplus.bkkpersonalapp&pcampaignid=web_share
จากนั้นได้เปิดเวทีรับฟังความคิดเห็นและข้อเสนอแนะจากผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานจากสำนักงานเขตของกรุงเทพมหานคร นอกจากนี้ นายพรพรหม วิกิตเศรษฐ์ ที่ปรึกษาของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และผู้บริหารด้านความยั่งยืนของกรุงเทพมหานคร ได้มอบนโยบายการจัดการขยะเพื่อลดปริมาณขยะ ลดค่าธรรมเนียม เพื่อเป็นแนวทางในการดำเนินงานและเตรียมความพร้อมก่อนประกาศใช้อัตราค่าธรรมเนียมจัดเก็บมูลฝอยฉบับใหม่ประมาณเดือนตุลาคม 2568
#สิ่งแวดล้อมดี
