เขตพระนครจับมือ 2 สน. ร่วมกวดขันพฤติกรรมคนเร่ร่อน พร้อมจัดการจราจรบนถนนราชดำเนิน
นายโกศล สิงหนาท ผู้อำนวยการเขตพระนคร กทม. กล่าวกรณีเกิดเหตุคนเร่ร่อนทำร้ายเด็กนักเรียนหญิงบริเวณถนนราชดำเนินว่า สำนักงานเขตฯ ได้ประสานการปฎิบัติงานร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจนครบาล (สน.) นางเลิ้งและ สน.ชนะสงคราม ในการออกตรวจและกวดขันสอดส่องพฤติกรรมคนเร่ร่อน หรือคนไร้บ้านไม่ให้แสดงพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมในพื้นที่ถนนราชดำเนินกลางทั้งสองฝั่ง โดยเฉพาะช่วงเวลาที่ผู้ปกครองนักเรียนมารับ-ส่งในช่วงเช้าและเย็น เพื่อสร้างความอุ่นใจและความปลอดภัย คลายความกังวลให้กับผู้ปกครองและนักเรียนในทุกวันที่มีการเรียนการสอน อีกทั้งได้เพิ่มมาตรการจัดสายตรวจเทศกิจลงพื้นที่เฝ้าระวังความปลอดภัยบริเวณถนนราชดำเนินกลางอย่างต่อเนื่อง พร้อมประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) สำนักพัฒนาสังคม กทม. สำรวจประวัติคนไร้บ้านตลอดถนนราชดำเนิน และแนะนำการเข้าถึงสิทธิ์การรับบริการขั้นพื้นฐาน หรือจุด Dorp In บริเวณใต้สะพานสมเด็จพระปิ่นเกล้าฝั่งพระนคร ตลอดจนเพิ่มความเข้มงวดกวดขันห้ามแจกอาหารให้กับคนไร้บ้าน โดยสำนักงานเขตฯ ได้ติดตั้งป้ายประชาสัมพันธ์เขตพื้นที่ห้ามแจกอาหาร เพื่อความเป็นระเบียบเรียบร้อยของพื้นที่ตลอดแนวถนนราชดำเนินกลาง ทั้งนี้ สำนักงานเขตฯ ได้ปรับลดจุดแจกอาหารให้กับคนไร้บ้านเหลือเพียงจุดเดียวคือ บริเวณตรอกสาเก
สำหรับปัญหาการจราจรในบริเวณดังกล่าว สำนักงานเขตฯ ได้ประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน. ท้องที่ ร่วมแก้ไขปัญหาการจอดรถซ้อนคันบนถนนราชดำเนินของผู้ปกครองนักเรียน เพื่อลดปัญหาด้านการจราจรของประชาชนที่สัญจรและจัดการจราจรรถยนต์ของผู้ปกครองที่มารอรับนักเรียนในช่วงเย็น
กทม. แจงจัดซื้อน้ำยาทำความสะอาดชีวบำบัดตามราคาที่ขึ้นบัญชีนวัตกรรมไทย
นายประพาส เหลืองศิรินภา ผู้อำนวยการสำนักสิ่งแวดล้อม (สสล.) กทม. กล่าวกรณี มีข้อสังเกตโครงการจัดซื้อน้ำยาทำความสะอาดชีวบำบัดของ กทม. ราคาสูงกว่าท้องตลาดว่า สสล. ได้ดำเนินการจัดซื้อสารทำความสะอาดชีวบำบัด (Bioremediation cleaning agent) ตามที่สำนักงานเขตต่าง ๆ ได้แจ้งความประสงค์ในการใช้สารดังกล่าว เพื่อใช้ป้องกันและแก้ปัญหากลิ่นเหม็นของมูลฝอยและใช้ย่อยสลายมูลฝอยประเภทอินทรีย์สารบริเวณจุดพักมูลฝอยต่าง ๆ ตามแหล่งชุมชน ตลาด และที่สาธารณะ โดยเป็นสินค้าที่ขึ้นบัญชีนวัตกรรมไทยกับสำนักงบประมาณ ราคาแกลลอนละ 7,400 บาท มีผู้จำหน่ายและตัวแทนจำหน่าย รวม 29 ราย ตามที่ขึ้นบัญชีไว้ ส่วนที่ระบุผลิตภัณฑ์ที่จำหน่ายในท้องตลาดมีราคาแกลลอนละ 6,500 บาท นั้น เป็นผลิตภัณฑ์ชีวบำบัดสำหรับใช้ย่อยสลายน้ำมัน ไขมัน บำบัดน้ำเสีย และกลิ่นไม่พึงประสงค์ โดยเป็นสินค้า ที่ขึ้นบัญชีนวัตกรรมไทยโดยสำนักงบประมาณ ซึ่งเป็นคนละผลิตภัณฑ์กับที่ กทม. จัดซื้อ
ทั้งนี้ ในขั้นตอนการจัดทำราคากลางโครงการดังกล่าว สสล. ได้สืบราคาจากบริษัททั้ง 29 ราย และมีผู้ตอบมา 4 ราย โดยเสนอราคาเท่ากันที่ราคาแกลลอนละ 7,400 บาท ซึ่งเท่ากับราคาของสำนักงบประมาณ อีกทั้งในขั้นตอนยื่นเสนอราคาได้เชิญเสนอราคาทั้ง 29 ราย และมีผู้ยื่นเสนอราคา 3 ราย โดยทั้ง 3 ราย เป็นตัวแทนจำหน่ายสารดังกล่าวและ กทม. ได้อนุมัติซื้อจากบริษัทที่เสนอราคาต่ำสุด โดยกระบวนการทั้งหมดเป็นไปตามระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. 2560
เขตปทุมวันเข้มตรวจสอบความสะดวกปลอดภัยผู้ใช้ทางเท้าในซอยหลังสวน
นายอิทธิพล อิงประสาร ผู้อำนวยการเขตปทุมวัน กทม. กล่าวกรณีมีข้อวิจารณ์ทางเท้าสำหรับผู้พิการทางสายตา (เบรลล์บล็อก) บริเวณซอยหลังสวน มีเสาไฟฟ้าตั้งกีดขวางว่า สำนักงานเขตฯ ได้ตรวจสอบบริเวณดังกล่าว พบเป็นโครงการนำสายไฟฟ้าและสายสื่อสารลงใต้ดินบริเวณถนนเพลินจิต เขตปทุมวัน โดยอยู่ในความรับผิดชอบของสำนักการโยธา กทม. ซึ่งได้ประสานความร่วมมือการไฟฟ้านครหลวง (MEA) ดำเนินโครงการบนถนนหลังสวน (ถนนเพลินจิตถึงถนนสารสิน ระยะทาง 1.3 กิโลเมตร) และถนนสารสิน (ถนนราชดำริถึงถนนวิทยุ ระยะทาง 0.8 กิโลเมตร) รวมระยะทาง 2.1 กิโลเมตร เริ่มดำเนินการตั้งแต่เดือน พ.ย. 63 และรื้อถอนเสาไฟฟ้าได้ในปี 67 โดยโครงการดังกล่าวประกอบด้วย งานก่อสร้างบ่อพักและท่อร้อยสายไฟฟ้าใต้ดิน งานก่อสร้างฐานอุปกรณ์และติดตั้งอุปกรณ์ไฟฟ้า งานลากสายไฟฟ้าใต้ดิน และการเปลี่ยนระบบการจ่ายไฟจากสายอากาศเป็นสายไฟฟ้าใต้ดิน ซึ่งปัจจุบันได้ดำเนินการตัดสายสื่อสารและปรับปรุงทางเท้าบางส่วนแล้ว อยู่ระหว่างการรื้อถอนเสาไฟฟ้า และเมื่อรื้อถอนเสาไฟฟ้าเรียบร้อยแล้วจะคืนสภาพทางเท้าที่เรียบร้อยตามมาตรฐานของ กทม. รวมถึงช่วยเสริมสร้างทัศนียภาพของเมืองให้มีความสวยงามและเพิ่มความปลอดภัยให้กับประชาชนในพื้นที่
อย่างไรก็ตาม สำนักงานเขตฯ ได้เพิ่มความเข้มงวดกวดขันดูแลทางเท้าในพื้นที่ เพื่อความสะอาด สวยงาม และความเป็นระเบียบเรียบร้อย รวมทั้งทำให้พื้นที่ทางเท้าเกิดความปลอดภัยและสะดวกต่อการสัญจรของประชาชนทุกกลุ่ม รวมถึงคนพิการทุกประเภทในการสัญจรบนทางเท้าได้อย่างสะดวกและปลอดภัย
