คนไทยยังคงเผชิญกับสภาพอากาศที่ไม่สะอาดเนื่องจากมีฝุ่นจิ๋ว PM2.5 ปนเปื้อนเมื่อวันที่ 14 ธ.ค. สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (จิสด้า) รายงานสถานการณ์ฝุ่น PM2.5 แบบรายชั่วโมงด้วยข้อมูลจากดาวเทียมพบว่า จ.สมุทรสงคราม มีค่าฝุ่นเกินมาตรฐานและส่งผลกระทบต่อสุขภาพระดับสีแดงเพียงจังหวัดเดียว อยู่ที่ 84.1 ไมโครกรัม ขณะที่อีก 30 จังหวัดเกินค่ามาตรฐานระดับสีส้มที่เริ่มส่งผลต่อสุขภาพส่วนกรุงเทพมหานครพบค่าฝุ่น PM2.5 เกินมาตรฐานในระดับสีส้ม 42 เขต สูงสุดที่พระโขนง ดอนเมือง หลักสี่ บางกอกใหญ่ บางนา เป็นต้น ส่วนอีก 8 เขตพบค่าฝุ่นระดับปานกลาง
นายปกรณ์ เพ็ชรประยูร โฆษกจิสด้า กล่าวว่า จิสด้าพบจุดความร้อนทั้งประเทศ 159 จุดส่วนใหญ่พบในพื้นที่การเกษตร 96 จุด ตามด้วยพื้นที่ชุมชนและอื่นๆ 19 จุด สปก.26 จุด ป่าสงวนแห่งชาติ 13 จุด พื้นที่ริมทางหลวง 4 จุด ป่าอนุรักษ์ 1 จุด สำหรับจังหวัดที่พบจำนวนจุดความร้อนสูงสุด 3 อันดับแรก คือ กาฬสินธุ์ 13 จุด ตามด้วย ร้อยเอ็ด 12 จุด สระบุรี 11 จุด ส่วนประเทศเพื่อนบ้านที่พบจุดความร้อนรอง 3 อันดับแรกคือ กัมพูชา 179 จุดไทย 159 จุด เวียดนาม 77 จุด ทั้งนี้ ประชาชนควรสวมหน้ากากตลอดเวลาเมื่ออยู่ในที่โล่งแจ้งเพื่อป้องกันผลกระทบที่อาจตามมา โดยเฉพาะโรคเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ
ด้านศูนย์แก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม รายงานสถานการณ์ PM2.5 ว่าพบเกินค่ามาตรฐานในกรุงเทพฯ 20 พื้นที่ สูงสุดที่ริมถนนมาเจริญ เพชรเกษม 81 เขตหนองแขม กรุงเทพฯ มีค่าเท่ากับ 47.9 มคก./ลบ.ม. ส่วนต่างจังหวัดเกินมาตรฐานที่นครปฐม สมุทรปราการ สมุทรสาคร ลำปาง ลำพูน สุโขทัย พิษณุโลก สระบุรี กาญจนบุรี ราชบุรี สมุทรสงคราม และหนองคาย จากการคาดการณ์พบว่าสถานการณ์ PM2.5 ยังมีแนวโน้มสูงจนถึงวันที่ 19 ธ.ค. เนื่องจากช่วงเวลาดังกล่าวมีมวลอากาศเย็นแผ่เข้ามาปกคลุมประกอบกับปริมาณฝนน้อยลงและลมสงบ ทำให้ฝุ่นเริ่มสะสมในพื้นที่
วันเดียวกันที่ท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 ดอนเมือง กทม. นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง ให้สัมภาษณ์ถึงปัญหาฝุ่น PM2.5 ว่า เรื่องฝุ่น PM2.5 จะต้องมีมาตรการในการวัดการตรวจเข้มต้องเต็มที่ เมื่อถามว่าผู้ว่าฯ กทม.เสนอให้มีมาตรการเวิร์กฟรอมโฮมในพื้นที่ กทม.ปัจจุบันปัญหาเริ่มลดน้อยแต่ไปหนักในพื้นที่ต่างจังหวัดนายกฯกล่าวว่า เรื่องฝุ่นมันขึ้นๆลงๆ เรื่องเวิร์กฟรอมโฮมผู้ว่าฯ กทม.ได้เสนอเป็นแนวทางหนึ่งในช่วงโควิดแพร่ระบาดเคยทำมาก่อน แต่ช่วงเวลานี้ทุกฝ่ายต้องช่วยกันแก้ปัญหาและยังคงไม่มีคำสั่งเรื่องเวิร์กฟรอมโฮม ขึ้นอยู่กับดุจพินิจของหน่วยงานและบริษัทต่างๆ
ที่มา: นสพ.ไทยรัฐ ฉบับวันที่ 15 ธ.ค. 2566
