(9 พ.ย. 66) นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร พร้อมด้วย นายพรพรหม ณ.ส. วิกิตเศรษฐ์ ที่ปรึกษาของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ให้การต้อนรับ นายมาร์ก วัตตส์ (Mr. Mark Watts) ผู้อำนวยการบริหารองค์การ C40 (C40 Executive Director) และคณะ ในโอกาสเข้าพบเพื่อหารือด้านสภาพภูมิอากาศ โดยมี นางสาววรนุช สวยค้าข้าว รองผู้อำนวยการสำนักสิ่งแวดล้อม (สสล.) นางสาวพรรณราย จริงจิตร ผู้อำนวยการสำนักงานการต่างประเทศ (สกต.) และ ว่าที่ร้อยตรี วิรัช ตันชนะประดิษฐ์ ผู้อำนวยการกองจัดการคุณภาพอากาศและเสียง สสล. ร่วมให้การต้อนรับ ณ ห้องสุทัศน์ ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร (เสาชิงช้า) ในการนี้ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครได้มอบหนังสือ Bangkok Local เป็นของที่ระลึกแก่ผู้อำนวยการบริหารองค์การ C40 และคณะ
สำหรับประเด็นการสนทนาในวันนี้ เกี่ยวกับแนวทางการดำเนินงานในปัจจุบันของกรุงเทพมหานครในการให้ความสำคัญกับเรื่องคุณภาพอากาศ ภาวะโลกร้อน สวน 15 นาที ปลูกต้นไม้ 1 ล้านต้น การถ่ายโอนคาร์บอนเครดิตตามข้อตกลงระหว่างไทยกับสวิตเซอร์แลนด์ เป็นต้น รวมทั้งได้มีการแสดงความยินดีที่กรุงเทพมหานครผ่านเกณฑ์มาตรฐานความเป็นผู้นำเมือง (C40 Leadership Standards) และได้รับการปรับสถานะเป็น Active City นอกจากนี้ได้พูดถึงเรื่องการประชุม Local Action Summit ที่จะเกิดขึ้นระหว่างวันที่ 1-2 ธันวาคม 2566 ณ นครดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ซึ่งคู่ขนานกับการประชุม COP28 (การประชุมว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศแห่งสหประชาชาติครั้งที่ 28) เรื่องข้อเสนอแนะการมีบทบาทของผู้บริหารด้านความยั่งยืนของกรุงเทพมหานคร (Chief Sustainability Officer) ในการเข้าร่วมกิจกรรมของ C40 ตลอดจนเรื่องการเชิญผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครเข้าร่วมการประชุม U20 2024 ณ นครริโอ เดอ จาเนโร สหพันธ์สาธารณรัฐบราซิล และการประชุม C40 World Mayors Summit 2025
ในส่วนของประโยชน์จากการเข้าร่วมกิจกรรมร่วมกับองค์การ C40 ประกอบด้วย 1. ผู้บริหารกรุงเทพมหานครได้แลกเปลี่ยนข้อมูลด้านการจัดการทรัพยากรอย่างยั่งยืนที่ช่วยลดผลกระทบที่เกิดจากปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ อีกทั้งเป็นการสร้างเครือข่ายและความสัมพันธ์ระหว่างเมืองสมาชิกและเมืองอื่น ๆ ที่เข้าร่วมประชุม เพื่อนำแนวทางและวิธีการดำเนินการเพื่อรองรับปัญหาโลกร้อนมาปรับใช้กับนโยบายของกรุงเทพมหานครต่อไป
2. บุคลากรของกรุงเทพมหานครได้เรียนรู้แนวทางการลงทุนขนาดใหญ่ (Massive investment) ในโครงสร้างพื้นฐานของสาธารณูปโภคสำหรับสนับสนุนการเป็นสังคมที่ทันสมัยที่จะนำไปสู่โอกาสในการสร้างการลงทุนด้านสาธารณูปโภคที่สามารถตอบสนองความต้องการของประชาชนได้ เช่น การลดการบริโภคทรัพยากร การขยายแหล่งพลังงานทดแทน การสร้างความมั่นคงและปลอดภัยแก่สังคม เป็นต้น เพื่อให้เมืองสามารถสร้างระบบสาธารณูปโภคอย่างยั่งยืน (Sustainable infrastructure) อีกทั้ง เรียนรู้นวัตกรรมและเทคโนโลยีด้านสิ่งแวดล้อม (Green Technologies) ที่หลากหลาย
3. บุคลากรของกรุงเทพมหานครได้แลกเปลี่ยนประสบการณ์ วิสัยทัศน์ ความรู้ และนวัตกรรมที่เกี่ยวข้องกับการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การใช้มาตรการและการประเมินความเสี่ยงที่เกิดจากสภาพภูมิอากาศ บทเรียนจากเหตุการณ์รุนแรงที่เป็นผลกระทบจากสภาพภูมิอากาศ และเครื่องมือสำหรับการตัดสินใจในการประเมินความเสี่ยงที่จะก่อให้เกิดปัญหาอุทกภัย นอกจากนี้ยังเป็นโอกาสในการนำเสนอการปฏิบัติการของกรุงเทพมหานครในการบริหารจัดการปัญหาน้ำท่วม (Flood Management) โดยเฉพาะการรับมือปัญหาอุทกภัยในกรุงเทพมหานครเมื่อปี พ.ศ. 2554
4. กรุงเทพมหานคมีความร่วมมือกับเมืองสมาชิกในด้านการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เพื่อแก้ไขปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การพัฒนาและอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ซึ่งสำนักสิ่งแวดล้อมเป็นหน่วยงานหลักของกรุงเทพมหานครในการดำเนินงานทางด้านเทคนิคร่วมกับองค์การ C40 อย่างต่อเนื่อง
5. เป็นโอกาสให้กรุงเทพมหานครได้สร้างเครือข่ายความร่วมมือกับเมืองสมาชิกองค์การ C40 ในการรับมือกับโรคโควิด 19 (COVID-19) เพื่อจะได้นำไปกำหนดนโยบายของเมือง และนำไปปฏิบัติสู่ความยั่งยืนและเท่าเทียม