(17 ต.ค. 66) รศ.ทวิดา กมลเวชช รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร พร้อมด้วย นายจิรัฏฐ์ ม้าไว ผู้ช่วยเลขานุการผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และผู้แทนจากหน่วยงานสังกัด กทม. อาทิ สำนักพัฒนาสังคม สำนักการศึกษา สำนักอนามัย ประชุมหารือร่วมกับผู้แทนจากมูลนิธิสถาบันวิจัยและพัฒนานโยบาย (สวน.) สำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (องค์การมหาชน) (สพร.) หรือ DGA และสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) เกี่ยวกับเรื่องการจัดการงานปกป้องคุ้มครองเด็กในครอบครัวเปราะบางให้สามารถสร้างเสริมคุณภาพชีวิตแต่ละคนได้เต็มตามศักยภาพด้วยแพลตฟอร์มเติมเต็ม ณ ห้องสุทัศน์ ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร (เสาชิงช้า)

ปัญหาของเด็กในครอบครัวเปราะบางมีข้อจำกัดหลัก 4 ด้าน ได้แก่ อาชีพ/วิถีชีวิต สังคม การศึกษา และสุขภาพ และวิธีการแก้ไขก็มีข้อจำกัดในเรื่องของความแยกส่วนของหน่วยงานที่ดูแล เนื่องจากหน่วยงานที่ทำงานกับเด็กมีจำนวนมาก จึงเกิดเป็นความร่วมมือในการจัดทำระบบพัฒนาคุณภาพชีวิตเด็กเปราะบางอย่างยั่งยืนขึ้น ซึ่งเป็นการดำเนินงานใน “พื้นที่รังสรรค์นวัตกรรม (Innovation Sandbox)” เพื่อทดลองและทดสอบในระยะ พ.ศ. 2563-2566 โดยปัจจุบันได้บรรลุผลสำเร็จในการจัดวางโครงสร้างและระบบข่ายงานคุ้มครองเด็ก ซึ่งประกอบด้วย 2 มิติหลัก คือ 1. แพลตฟอร์มดิจิทัล ที่เรียกกันว่า “แพลตฟอร์มเติมเต็ม” สำหรับจัดบริการใน กทม. เพื่อการปกป้องและพัฒนาคุณภาพชีวิตเด็กและเยาวชนในกลุ่มครอบครัวเปราะบาง และ 2. โครงสร้างระบบงานคุ้มครองเด็ก หรือ “ข่ายงานคุ้มครองเด็ก” ซึ่งรองรับ พ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก ใน กทม.

สำหรับการทดลองและทดสอบได้มีการนำร่องในพื้นที่ระดับชุมชนในพื้นที่เขตลาดกระบัง ซึ่งทำให้พบว่าแพลตฟอร์มเติมเต็มและข่ายงานคุ้มครองเด็กได้เข้ามาอุดช่องว่างและเชื่อมโยงผู้ที่เกี่ยวข้องกับภารกิจคุ้มครองเด็กได้อย่างไร้รอยต่อ ตั้งแต่ระดับชุมชน ระดับหน่วยบริการ ระดับเขต และระดับ กทม. ส่วนกลาง ปัจจุบันแพลตฟอร์มเติมเต็มมีฐานข้อมูลเด็กในระบบประมาณ 1,600 ครอบครัว โดยมีจำนวนครอบครัวที่ได้รับการดูแลประมาณ 146 ครอบครัว เป็นกลุ่มที่ได้เข้าดำเนินการให้ความช่วยเหลือประมาณ 51 คน ในส่วนของการขยายผล ได้เตรียมขยายผลเป็น 7 เขต เพื่อให้ครอบคลุม 6 กลุ่มเขต ประกอบด้วย เขตลาดกระบัง เขตคลองสาน เขตวังทองหลาง เขตหนองแขม เขตพระโขนง เขตปทุมวัน และเขตบางซื่อ

การหารือในวันนี้ หน่วยงานภาคีเครือข่ายได้เข้าพบเพื่อประสานความร่วมมือกับ กทม. ในเรื่องต่าง ๆ ได้แก่ การบริหารจัดการกลไกในการดำเนินการ การสนับสนุนการขยายพื้นที่ดำเนินการ การบูรณาการข้อมูลต่าง ๆ และการบริหารจัดการแพลตฟอร์มเติมเต็ม

ในการนี้ รองผู้ว่าฯ ทวิดา ได้กล่าวถึงการดำเนินการของกรุงเทพมหานครในระยะที่ผ่านมาว่า เมื่อวันที่ 12 ต.ค. 66 ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครได้เข้าพบรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) เพื่อหารือแนวทางการแก้ไขปัญหาสังคมร่วมกันระหว่างกระทรวง พม. และ กทม. ซึ่งได้ข้อสรุปให้มีการตั้งคณะทำงานร่วมกันขึ้นมา 7 คณะ ฉะนั้น เรื่องการบูรณาการข้อมูลกันจึงไม่เป็นปัญหา ส่วนในเรื่องการบริหารจัดการกลไกการดำเนินการร่วมกันจะต้องมีการพูดคุยในรายละเอียดอีกครั้งเพื่อให้แต่ละหน่วยงานทราบว่าหน่วยงานตนอยู่ในขั้นตอนใดของการให้บริการ เรื่องการขยายพื้นที่ดำเนินการ ทาง กทม. ไม่มีข้อขัดข้องอะไร พร้อมเสนอเขตบางแคเป็นหนึ่งในเขตน่าสนใจที่คาดว่าจะขยายผลได้อีกเขตหนึ่ง และในเรื่องของระบบ IT ต้องขอเวลาในการหารือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในส่วนของ กทม. ก่อนจึงจะสามารถระบุได้ว่าจะให้หน่วยงานใดเข้ามาเป็นผู้ร่วมบริหารจัดการแพลตฟอร์มเติมเต็ม อย่างไรก็ตาม อยากให้อนาคต “เติมเต็ม” สามารถขยายผลกลุ่มเป้าหมายนอกเหนือจากเด็กไปยังทุกกลุ่มเปราะบางได้ต่อไป

—————

————