(30 ม.ค. 66) นายสุขสันต์ กิตติศุภกร รองปลัดกรุงเทพมหานคร เป็นประธานการประชุมคณะทำงานด้านการจัดการพลังงาน ครั้งที่ 1/2566 เพื่อหารือแนวทางและมาตรการในการลดใช้พลังงานไฟฟ้าในศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร (เสาชิงช้า) เขตพระนคร หรือให้มีการใช้พลังงานไฟฟ้าให้คุ้มค่า เหมาะสม และเกิดประโยชน์มากที่สุด โดยมีผู้แทนหน่วยงานภายในอาคารศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร (เสาชิงช้า) เขตพระนคร เข้าร่วมประชุม ณ ห้องเจ้าพระยา
ทั้งนี้ ที่ประชุมเห็นชอบให้มีการกำหนดแนวทางหรือมาตรการประหยัดพลังงานไฟฟ้าในศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร (เสาชิงช้า) เขตพระนคร ที่ครอบคลุมในด้านต่าง ๆ ได้แก่ ด้านแสงสว่าง ด้านการปรับอากาศ ด้านเครื่องใช้สำนักงานและเครื่องใช้ไฟฟ้า ห้องประชุม ลิฟต์โดยสาร และพื้นที่ส่วนกลาง โดยมีประเด็นหลักที่สำคัญ อาทิ การเปิดไฟฟ้าส่องสว่างให้เปิดในเวลาทำงาน ปิดเวลา 12.00-13.00 น. หรือเปิดเฉพาะพื้นที่ หรือเท่าที่จำเป็นใช้เท่านั้น หากหลอดไฟฟ้าชำรุดหรือเสื่อมสภาพให้เปลี่ยนไปใช้หลอด LED แทน การเปิดเครื่องปรับอากาศ หากเป็นไปได้ให้เปิดเครื่องปรับอากาศตั้งแต่เวลา 08.00 น. เป็นต้นไป และตั้งอุณหภูมิที่ 26 องศาเซลเซียส กรณีเป็นเครื่องปรับอากาศแบบแยกส่วนให้ปิดเครื่องปรับอากาศครึ่งหนึ่ง เวลา 12.00-13.00 น. เวลา 16.30 น. ปิดเครื่องปรับอากาศที่ไม่ใช้ทั้งหมดให้คงเหลือเฉพาะจุดที่มีผู้ปฏิบัติงานอยู่ กรณีเครื่องปรับอากาศแบบชิลเลอร์ ให้ปิดก่อนเวลาเลิกงาน 1 ชั่วโมง เพราะภายในห้องจะยังคงมีความเย็นอยู่ โดยเครื่องปรับอากาศที่มีอายุการใช้งานเกินกว่า 10 ปี ควรเปลี่ยนใช้รุ่นใหม่ที่ประหยัดพลังงานและมีฉลากประหยัดไฟฟ้าเบอร์ 5
สำหรับเครื่องใช้ไฟฟ้าหากไม่มีการใช้งานให้ถอดปลั๊กทุกครั้ง รวมถึงการปิดคอมพิวเตอร์ทุกครั้งที่เลิกใช้งานหากจะใช้ค่อยเปิดใหม่ ทำความสะอาดตู้เย็นสัปดาห์ละ 1 ครั้ง ลิฟต์โดยสาร เปิดใช้งานเวลา 06.00-19.00 น. หลังเวลา 19.00 น. เปิดใช้ลิฟต์โดยสารตัวเดียวบริเวณหน้าสำนักงานเลขานุการปลัดกรุงเทพมหานคร วันหยุดเปิดใช้ลิฟต์โดยสารบริเวณหน้าสำนักงานเลขานุการปลัดกรุงเทพมหานครเพียงตัวเดียว เวลา 06.00-18.00 น. ขึ้นลงชั้นเดียวให้ใช้บันไดแทนการใช้ลิฟต์ บริเวณพื้นที่ส่วนกลาง ในจุดที่แสงสว่างไม่เพียงพอและเป็นจุดเสี่ยงด้านความปลอดภัยสามารถเปิดใช้แสงสว่างในเวลากลางวันได้ และสามารถเปิดใช้แสงสว่างได้ตามความเหมาะสมหากมีภารกิจพิเศษ ซึ่งในที่ประชุมมีการตั้งเป้าการใช้พลังงานไฟฟ้าของปี 2566 ลดลงจากปี 2565 ให้ได้อย่างน้อย 4%
—————————— (พัทธนันท์…สปส. รายงาน)