ลอตแรก12ม.ค. ลุ้น5-6หมื่นคน
“อนุทิน” ถกเตรียมความพร้อมรับนักท่องเที่ยวจีน แจงมาตรการยึดหลักเท่าเทียมทุกชาติ ต้องรับวัคซีนอย่างน้อย 2 เข็ม พร้อมประกันสุขภาพครอบคลุมรักษาโควิด-19 แสดงผล RT-PCR ก่อนกลับ ยัน สธ.รับมือได้ ทั้งกทม.-และเมืองท่องเที่ยว ขานรับนักท่องเที่ยว เตรียมพร้อมรับมือ เผยจีนเปิดประเทศส่งผลดีต่อการท่องเที่ยว-เศรษฐกิจเพิ่มขึ้น
เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 5 ม.ค.ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุขให้สัมภาษณ์ก่อนเป็นประธานการประชุมเตรียมความพร้อมรับผู้เดินทางเข้าประเทศจากสาธารณรัฐประชาชนจีน ว่า วันนี้เป็นการประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งด้านสาธารณสุข การคมนาคมและการท่องเที่ยว โดยพยายามอย่างเต็มที่ปฏิบัติต่อทุกประเทศอย่างเท่าเทียมกันเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ส่วนกรณีนักท่องเที่ยวจีนที่หนีออกจากเกาหลี อย่าเปรียบเทียบกับประเทศอื่นที่นี่ประเทศไทย ทั้งนี้อาจารย์แพทย์หลายคนได้ออกมาโพสต์ข้อมูลเพื่อให้ความมั่นใจแก่คนไทยถึงการจะเปิดรับนักท่องเที่ยวจีนครั้งนี้ ซึ่งถือเป็นความเชื่อมั่น อย่างไรก็ตามยังไม่มีแนวทางการให้วัคซีนฟรีแก่นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ แต่จะมีการเก็บค่าใช้จ่าย
นายอนุทิน กล่าวด้วยว่าไทยมีความพร้อมรองรับนักท่องเที่ยวทั่วโลก โดยไม่มีการจำกัดโซนนิ่ง ไม่มีแยกนักท่องเที่ยวว่ามาจากประเทศอะไร ทั้งนี้หากมีประเด็นเชื้อกลายพันธุ์เชื้อใหม่เข้ามา กรมควบคุมโรคจะมีการรายงานติดตามอย่างใกล้ชิดและทุกอย่างมีมาตรการทางการแพทย์ ซึ่งขณะนี้มีการติดตามสถานการณ์ภายใต้ พ.ร.บ.โรคติดต่อ
ต่อมา นายอนุทิน กล่าวภายหลังการประชุมว่า การประชุมในวันนี้เป็นการเตรียมการเพื่อเปิดรับนักท่องเที่ยวโดยไม่เจาะจงว่าเป็นประเทศใด ซึ่งขณะนี้ไทยมีความพร้อมในทุกมิติ มาตรการที่มีในปัจจุบันเป็นมาตรการที่เหมาะสมอยู่แล้ว ส่วนในกรณีที่ประเทศใดมีข้อกำหนดพิเศษขึ้นมา เช่น ต้องตรวจ RT-PCR ให้กับนักท่องเที่ยวก่อนเดินทางกลับประเทศ นักท่องเที่ยวต้องซื้อบัตรประกันสุขภาพก่อนเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย โดยต้องครอบคลุมการรักษาโรคโควิด-19 ซึ่งเป็นการปฏิบัติที่เท่าเทียม เป็นธรรมทั้งประเทศที่เปิดรับนักท่องเที่ยวและประเทศต้นทาง
นายอนุทิน กล่าวอีกว่า ขณะเดียวกันก่อนเดินทางเข้าประเทศไทยต้องให้นักท่องเที่ยวฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 อย่างน้อย 2 เข็ม หากมีอาการป่วยทางเดินหายใจควรเลื่อนการเดินทางและรักษาให้หายก่อนเพื่อลดการแพร่ระบาด แต่หากประเทศใดไม่มีข้อกำหนดดังกล่าว ก็จะให้คำแนะนำในการซื้อประกันสุขภาพ เพื่อความสะดวกหากเกิดเหตุฉุกเฉินเจ็บป่วยระหว่างอยู่ในประเทศไทย พร้อมกันนี้ในที่ประชุมได้มีการนำเสนอขอความร่วมมือให้โรงแรมที่เปิดรับนักท่องเที่ยวจัดซุ้มอำนวยความสะดวกสำหรับตรวจ RT-PCR ด้วย
นายอนุทิน กล่าวว่า ในวันที่มีนักท่องเที่ยวไฟลต์แรกจากประเทศจีน ทางกระทรวงสาธารณสุข กระทรวงคมนาคมกระทรวงการท่องเที่ยวฯ จะเดินทางไปตรวจความพร้อมและเยี่ยมการปฏิบัติงานตรวจสอบสถานการณ์เพื่อให้เกิดความสะดวกปลอดภัยกับนักท่องเที่ยวและคนไทยทุกคน ในวันที่ 12 ม.ค. นอกจากนี้ยืนยันทุกฝ่ายมีความพร้อมและกรุงเทพมหานครก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี
นายอนุทิน กล่าวอีกว่าทั้งนี้มีการคาดการณ์ว่า จะมีนักท่องเที่ยวจีนเดินทางเข้าไทยในไตรมาสแรก ประมาณ 300,000 คนหรือประมาณร้อยละ 5 ของนักท่องเที่ยวทุกชาติรวมกัน ซึ่งคาดว่าเดือนม.ค.จะเข้ามา 60,000 คน ก.พ. 90,000 คน มี.ค. 150,000 คน และจะเพิ่มขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป เนื่องจากในปัจจุบันยังมีจำนวนเที่ยวบินจำกัด ทั้งนี้จากข้อมูลการรับวัคซีนป้องกัน โควิด-19 พบว่าประชาชนจีนรับวัคซีนครบ 2 เข็มแล้วในสัดส่วนร้อยละ 90.8 ขณะที่ในส่วนโรงแรม, ร้านอาหารที่ได้รับมาตรฐาน sha และSha+ พนักงานเสิร์ฟและเชฟยังต้องสวมหน้ากากอนามัยอยู่ โดยยึดถือตามมาตรการของคณะกรรมการโรคติดต่อ ยืนยันมาตรการที่ออกมาอยู่ในระดับที่สามารถควบคุมได้ ขอประชาชนอย่าตื่นตระหนก เพราะนี่เป็นโอกาสได้เร่งฟื้นฟูเศรษฐกิจจากความสูญเสียต่าง ๆ ที่ได้รับมากว่า 3 ปี
นายอนุทิน กล่าวว่า ส่วนการเตรียมความพร้อมในพื้นที่จังหวัดท่องเที่ยว ได้สั่งการสาธารณสุข เพิ่มศักยภาพภาพเพื่อรองรับนักท่องเที่ยวให้มากขึ้น ทั้งสถานพยาบาล Hospitel เพื่อรองรับผู้ที่มีผลตรวจพบ เชื้อโควิด-19 พร้อมขอความร่วมมือจากประชาชนและผู้บริการและอุตสาหกรรมภาคการท่องเที่ยวและคมนาคมให้ปฏิบัติตามมาตรการส่วนบุคคล ไม่รวมกลุ่มจำนวนมากในพื้นที่แออัด หากป่วยมีอาการทางเดินหายใจ เช่น ไอ เหนื่อย เป็นไข้ ให้สวมหน้ากากอนามัยเมื่อต้องอยู่กับผู้อื่น และยังคงเน้นย้ำให้เข้ารับวัคซีนป้องกันโควิด-19 เข็มที่ 4 เพื่อความปลอดภัย
รายงานข่าวแจ้งว่า จากการตรวจสอบตารางบินสายการบินของประเทศจีน ที่จะเดินทางเข้าสู่ประเทศไทย ในวันที่ 8 ม.ค.ซึ่งเป็นวันแรกที่จีนเปิดประเทศ พบว่า ยังไม่มีเที่ยวบินขนส่งผู้โดยสารของสายการบินจีนมายังประเทศไทย มีเพียงเที่ยวบินขนส่งสินค้ามายังท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ 1 เที่ยวบินเท่านั้น อย่างไรก็ตามขณะนี้ยังคงมีเพียง 9 สายการบินของจีน ที่ทำเรื่องมายังสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย เพื่อขอตารางเวลาการบิน ในการเพิ่มความถี่เที่ยวบินมาประเทศไทย ส่วนใหญ่เริ่มต้นจากวันละ 1 เที่ยวบินก่อน ซึ่งเที่ยวบินแรกของสายการบินที่ขอเพิ่มเติมเข้ามา จะทำการบินในวันที่ 11 ม.ค. โดยเที่ยวบินเพิ่มเติมเที่ยวแรกที่จะมาถึงประเทศไทย เป็นของสายการบินจูนเยาแอร์ไลน์ (Juneyao) เส้นทาง เซี่ยงไฮ้-สุวรรณภูมิ
ปัจจุบันมีสายการบินของจีนทำการบินมายังประเทศไทยอยู่แล้ว 19 สายการบิน ซึ่งทำการบินตามโควตาที่สำนักงานการบินพลเรือนจีน (CAAC) ได้จัดสรรเที่ยวบินไว้ให้ก่อนหน้านี้เมื่อปี 65 โดยเริ่มจากให้สายการบินของไทยบินเข้าประเทศจีนได้ ระยะแรก 3 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ ขณะที่เที่ยวบินจากจีนเข้าไทยได้ 3 เที่ยวบินต่อสัปดาห์เช่นกัน จากนั้นได้ให้เพิ่มเป็น 15 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ ดังนั้นที่ผ่านมาจึงมีผู้โดยสารจากจีนเดินทางเข้ามายังประเทศไทยอยู่แล้ว และในช่วงหลังเดือน ม.ค. จำนวนเที่ยวบินจากจีนที่เข้าประเทศไทยจะค่อย ๆ เพิ่มขึ้น ทั้งนี้ปกติก่อนเกิดโควิด-19 จะมีเที่ยวบินจากจีนเข้าไทยเฉลี่ย 93 เที่ยวบินต่อวัน
ที่หน้าห้องรัตนโกสินทร์ ศาลาว่าการกทม.(เสาชิงช้า) นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯกทม. กล่าวว่า กทม.พร้อมที่จะปฏิบัติตามนโยบาย คงต้องดูให้รอบคอบ นักท่องเที่ยวมาในจำนวนมากขึ้น แล้วกลับประเทศได้ มาตรการดูแล การฉีดวัคซีน การตรวจหาเชื้อ ใครจะเป็นผู้ดูแล ขอบคุณนักท่องเที่ยวทุกคนที่อยากมาท่องเที่ยวในไทย ยินดีต้อนรับ แต่เราอยากต้อนรับให้ดีที่สุด ทุกคนจะได้มาท่องเที่ยวอย่างมีความสุข และกลับบ้านอย่างปลอดภัย
ด้าน น.ส.วรารัตน์ โชติวรรณ เลขาธิการสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจังหวัดตราด เปิดเผยว่าการที่ประเทศจีนเปิดประเทศ เป็นเรื่องที่ดีต่อประเทศไทยอย่างมาก ซึ่งไทยเป็นประเทศที่ชาวจีนนิยมเดินทางมาท่องเที่ยวในประเทศไทยเป็นอันดับที่ 3 ซึ่งคาดว่า ปลาย ๆ เดือนม.ค. ไปจนถึงเม.ย.จะมีนักท่องเที่ยวทยอยเดินทางเข้ามาเรื่อย ๆ และในส่วนจังหวัดตราด ซึ่งเป็นจังหวัดเมืองรอง กลุ่มนักท่องเที่ยวชาวจีน ส่วนใหญ่จะมาแบบครอบครัวหรือมาแบบส่วนตัวมากกว่า ชาวจีนที่มาจังหวัดตราดนั้น เป็นนักท่องเที่ยวที่คุณภาพ พูดภาษาอังกฤษได้ดี ใช้จ่ายเยอะ ค้างแรมนาน โดยจากการประมาณการนั้น นักท่องเที่ยวชาวจีน 1 คน จะใช้จ่ายคนละ 40,000 ต่อคน และต่อทริป 4 คืน 5 วัน.
ที่มา: นสพ.เดลินิวส์ ฉบับวันที่ 7 ม.ค. 2566 (กรอบบ่าย)