
“การทำความเข้าใจเมืองจะมีผลต่อการประกอบอาชีพหลายอย่าง และเชื่อว่าเทรนด์เศรษฐกิจปัจจุบันจะเกิดในเมืองมากขึ้น นิคมอุตสาหกรรมต่างจังหวัดจะลดลง แต่จะกลายเป็นsetvice industry ในเมืองมากขึ้น เรื่องการบริหารจัดการเมืองจึงเป็นสิ่งสำคัญ และอนาคตสุดท้ายเมืองจะเป็นส่วนสำคัญในการดึงคนเก่ง ซึ่งเราจะเจอสงครามขนาดใหญ่คือสงครามแย่งคนเก่ง เมืองที่สามารถแย่งคนเก่งมาได้สุดท้ายจะเป็นเมืองที่อยู่รอดได้ เช่นเดียวกับประเทศสหรัฐอเมริกาที่สามารถดึงคนเก่งจากทั่วโลกมาได้ และCEO ส่วนใหญ่ก็เป็นคนเก่งที่มาจากประเทศอินเดีย จึงต้องมาดูว่าเราจะดึงคนเก่งมาอยู่ด้วยได้อย่างไร ซึ่งเชื่อว่าหลักสูตรมหานครก็จะตอบโจทย์ตรงนี้ รวมถึงโจทย์เรื่องอื่น เช่น การดูแลเด็ก ฟุตบาททางเท้า หรือการดูแลปัญหาขยะทั้งหมด นี่คือหัวใจหลัก หากเราดูแลเมืองของเราไม่ได้ คุณภาพของคนไม่ดี เมืองอยู่แล้วไม่มีความสุข เราก็จะดึงคนเก่งมาไม่ได้ ซึ่งก็ตรงกับนโยบายของเราที่ว่าอยากทำให้เป็นเมืองที่น่าอยู่สำหรับทุกคน ซึ่งก็ต้องฝากทุกคนให้ร่วมกันทำโจทย์อันนี้ และหลักสูตรนี้สามารถตอบโจทย์ได้ทั้งในแง่ของเมืองและแง่ของธุรกิจ ขอให้ทุกคนมาเป็นแนวร่วมกับกทม. ในการพัฒนาเมืองนี้ให้เป็นเมืองที่น่าอยู่สำหรับทุกคนต่อไป“
นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวในโอกาสเป็นประธานพิธีมอบประกาศนียบัตร พร้อมเข็มวิทยฐานะ และปิดการฝึกอบรมหลักสูตรผู้บริหารระดับสูงด้านการพัฒนามหานคร (มหานคร รุ่น 11) วันนี้ ( 15 ธ.ค. 66) ซึ่งมหาวิทยาลัยนวมินทราธิราช กำหนดจัดการอบรมระหว่างวันที่ 21 ก.ค. -15 ธ.ค.66 ณ ห้องบางกอก อาคารไอราวัตวัฒนา กทม.2 ดินแดง
โดยผู้เข้ารับการอบรม จำนวน 145 คน ประกอบด้วย บุคคลซึ่งดำรงตำแหน่งผู้บริหารระดับสูงของหน่วยงาน หรือองค์กร อาทิ ข้าราชการกรุงเทพมหานครระดับอำนวยการสูงขึ้นไปหรือเทียบเท่า ข้าราชการการเมืองของกรุงเทพมหานครข้าราชการการเมืองระดับประเทศ ผู้บริหารหน่วยงานภาครัฐ/รัฐวิสาหกิจ ระดับอำนวยการสูงขึ้นไปหรือเทียบเท่าข้าราชการส่วนภูมิภาคระดับปลัดจังหวัดขึ้นไป และผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ได้ร่วมทำกิจกรรม CSR บริจาคเงินจำนวน 100,000 บาท ให้กับโรงพยาบาลวชิรพยาบาล ตามโครงการ ” 112 ปี วชิรพยาบาล ร่วมสืบสาน 112 ดวงใจ“
——