ศาลาว่าการกทม. – เมื่อวันที่ 24 ต.ค. นายวิศณุ ทรัพย์สมพล รองผู้ว่าฯ กทม. กล่าวถึงความคืบหน้าการแก้ไขปัญหาหนี้รถไฟฟ้าสายสีเขียว ว่า สำนักการจราจรและขนส่ง (สจส.) ได้ร่างหนังสือรายงานผลดำเนินการถึงแนวทางการแก้ไขปัญหาหนี้รถไฟฟ้าสาย สีเขียว ส่วนต่อขยาย 2 ช่วงหมอชิต-สะพานใหม่-คูคต และช่วง แบริ่ง-สมุทรปราการ เพื่อส่งให้กระทรวงมหาดไทยก่อนเสนอ ครม.พิจารณา เสร็จเรียบร้อยแล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างเสนอ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯ กทม.ลงนามเอกสาร คาดว่าจะส่งให้กระทรวงมหาดไทย (มท.) ได้ภายในสัปดาห์นี้
นายวิศณุกล่าวว่า สำหรับสาระสำคัญหนังสือฉบับดังกล่าว กทม. รายงานผลดำเนินการตามมติ ครม. วันที่ 5 ก.ค.2566 ที่มอบหมายให้ กทม.และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปพิจารณาโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ส่วนต่อขยาย ให้เกิดความชัดเจนในประเด็นต่างๆ เพิ่มเติม อาทิ การหารือร่วมกับกระทรวงคมนาคม ของระบบตํวร่วม การกำหนดอัตราค่าโดยสาร การเชื่อมโยงโครงข่ายการเดินทางและ รายละเอียดอื่นๆ ตามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือในส่วนที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งความพร้อมของกทม. ในการรับมอบโครงการรถไฟฟ้าสาย สีเขียว ส่วนต่อขยาย ตามมติเมื่อเดือน พ.ย.2561 รวมทั้งอัพเดตสถานะหนี้โครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ส่วนต่อขยาย
โดยแบ่งออกเป็น 2 ส่วน ได้แก่ ส่วนแรก มูลหนี้โครงสร้างพื้นฐาน (งานโยธา) ที่รับโอนจากการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) โดยประสานกับสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ ตรวจสอบและสรุปมูลหนี้เงินต้นและดอกเบี้ย ประมาณ 60,000 ล้านบาท ส่วนที่ 2 มูลหนี้ค่างานติดตั้งระบบการเดินรถ (E&M) และมูลหนี้ค่าระบบงานเดินรถและซ่อมบำรุง (O&M) โดย บริษัท กรุงเทพธนาคม จำกัด หรือเคที ได้ประชุมหารือกับบริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด หรือบีทีเอสซี สรุปยอดมูลค่าหนี้ อีแอนด์เอ็ม เงินต้นและดอกเบี้ยที่จะต้องชำระ ณ วันที่ 9 ต.ค.2566 เป็นจำนวนกว่า 23,000 ล้านบาท
ส่วนมูลหนี้ โอแอนด์เอ็ม เคทีรายงานล่าสุด จนถึงเดือน ส.ค.2566 แยกเป็นหนี้ ส่วนต่อขยาย 1 ช่วงอ่อนนุช-แบริ่ง และตากสิน-บางหว้า ประมาณ 5,500 ล้านบาท ส่วนต่อขยาย 2 หมอชิต-สะพานใหม่-คูคต และแบริ่ง-สมุทรปราการ ประมาณ 21,000 ล้านบาท
ทั้งนี้ กทม.จะขอรัฐบาลสนับสนุนในส่วนของมูลหนี้โครงสร้างพื้นฐานที่รับโอนจากรฟม. และหนี้อีแอนด์เอ็มเท่านั้น ในส่วนของหนี้อีเอนด์เอ็ม หากรัฐบาลไม่เห็นชอบ กทม.จะนำเรื่องกลับมา เพื่อเสนอขออนุมัติงบจากสภา กทม.แทน
สำหรับหนี้โอแอนด์เอ็มอยู่ในกระบวนการชั้นศาล ยังไม่สามารถจ่ายได้ต้องรอให้คดีสิ้นสุดก่อน อย่างไรก็ตาม หากรัฐบาลเห็นชอบตามเงื่อนไขให้มีการขยายสัมปทานกับเอกชนเพื่อแลกหนี้ทั้งหมดถือว่าเป็นที่ยุติ กทม.ไม่ต้องจ่ายหนี้ดังกล่าวให้กับเอกชน
ที่มา: นสพ.ข่าวสด ฉบับวันที่ 25 ต.ค. 2566